วันที่ 3 สิงหาคม 2537 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความลงในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค ระบุว่า สวัสดีครับ ผมชื่อเล้งครับ ผมขออนุญาตเอาเรื่องของผมมาแชร์เป็นอุทาหรณ์ในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” นะครับ ผมเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ซื้อแฟรนไชส์ลูกชิ้นชื่อดัง และเคยเป็นกระแสข้อพิพาทดังเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ไปออกรายการ ถึงเรื่องราวของแฟรนไชส์ลูกชิ้นชื่อดังครับ หลายๆคนคงคิดว่าเรื่องนี้จบตั้งแต่ออกรายการแล้วแต่จริงๆมันเพิ่งเริ่มต้นครับ
มาเข้าเรื่องกันครับ ผมเคยเป็นแฟรนไชส์ลูกชิ้นชื่อดัง ที่ซื้อมาขายในจังหวัดนนทบุรีภายใต้ชื่อเล้ง และก็นั่งอยู่ในรายการวันนั้นด้วยครับ เรื่องราวของผมถ้าทุกคนได้ดูรายการ จนจบคงทราบกันดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และผมก็ได้ใช้ขั้นตอนทางกฎหมายในการฟ้องเจ้าของแฟรนไชส์ลูกชิ้นชื่อดังก่อนหน้าที่จะไปออกรายการ เพื่อการเรียกร้องให้เกิดความยุติธรรมกับผม
ศาลนัดแรก เป็นการนัดไกล่เกลี่ย ซึ่งผมก็พร้อมไกล่เกลี่ย แต่วันนั้นจำเลยไม่มาไกล่เกลี่ยในนัดแรกแต่ส่งทนายมา ซึ่งคำตอบที่ได้จากทางฝั่งทนายจำเลยวันนั้นคือ จำเลยบอกว่าไม่ต้องการไกล่เกลี่ยกับผม และมั่นใจว่าตนไม่ผิด และยังไงก็ชนะ เลยจะขอสู้กับผมอย่างเดียว ซึ่งผมก็โอเคดีเลยครับ
ศาลนัดสอง วันสืบพยานที่ศาล ผมมีหลักฐานที่เพิ่มหนักขึ้นมากกว่าเดิม พร้อมพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ ในขณะเดียวกันอยู่ๆ ทางทนายจำเลยก็ได้มีการมาขอไกล่เกลี่ยยอมความเอง ซึ่งวันนั้นผมบอกตรงๆว่าไม่อยากไกล่เกลี่ยแล้ว เพราะผมให้โอกาสในนัดแรกไปแล้ว และจำเลยก็ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยังยืนยันมั่นใจมากๆ ว่าตนไม่ได้กระทำผิดอะไร
สุดท้ายก็จบกันที่ชั้นประนีประนอมยอมความ ตอนนั้นผมแอบสงสารเพราะต้องสู้คดีอีกหลายเจ้า ต้องใช้เงินเพื่อจ้างทนายที่สูงมาก และทั้งทางจำเลยก็ได้ยอมรับต่อศาลว่าตนกระทำผิดกับผมจริง แต่ก็ไม่ได้ยอมรับผิดทั้งหมด และสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดหลังจากการประนีประนอมคือ “คำขอโทษ” จากจำเลย ที่รู้สึกผิดจริงๆ แต่จำเลยก็เลือกเองและไม่เคยหลุดคำขอโทษผมเลยสักครั้ง ซึ่งถามว่าผมติดใจมั้ย? ผมติดใจมากๆ ถ้าก่อนหน้านั้นเอ่ยปากขอโทษผมสักคำต่อหน้าผม ผมก็พูดเลยว่าผมเป็นคนใจดีมากๆ อาจจะไม่มีการฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือฟ้องเรื่องการทำผิดของจำเลยก็ได้
สุดท้ายแล้ว ผมเชื่อว่าสิ่งที่จำเลยจะชดใช้ผมได้ดีที่สุดแทนคำขอโทษคือ “เงิน” และจำเลยก็ได้ตกลงจะชดใช้ให้ผมต่อหน้าศาล โดยจำเลยขอผ่อนชำระต่อเดือน จนกว่าจะครบตามยอดที่ตกลงกัน ซึ่งผมก็ยอมลดจำนวนตัวเลขฟ้องที่สูงก่อนหน้าตามการไกล่เกลี่ยและตามกำลังของจำเลย
โดยจำเลยจะต้องผ่อนชำระให้ผมทุกวันที่ 1 และกำหนดชำระนัดแรกคือวันที่ 1 ส.ค.67 ซึ่งจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้รับเงิน และต่อให้โอนมาหลังจากโพสต์นี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกดี กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ ผมไม่ได้ทั้งคำขอโทษและไม่ได้ทั้งเงินที่จำเลยตกลงจะชดใช้ผม สัจจะที่ให้ไว้ก็ทำไม่ได้เสียเอง และดูเหมือนจำเลยจะไม่เกรงต่อกฎหมายใดๆ ตอนนี้ผมไม่อยากปล่อยให้คนแบบนี้ใช้ชีวิตปรกติในสังคมได้เลยครับ อาจเป็นบ่อที่ทำให้เกิดความผิดซ้ำๆซากๆขึ้น ส่วนตัวผมพร้อมให้อภัย ถ้าคนสำนึกผิดจริงๆ แต่เขาไม่พร้อมรับการอภัย
ตอนนี้ผมสู้มาก รวมถึงผู้เสียหายคนอื่นๆ ก็สู้ด้วยเช่นกัน ยังมีอีกหลายคนที่ยังต้องแบกรับการกระทำแบบนี้ของคนๆ นี้ มีผู้ที่ฟ้องชนะแต่ก็ไม่ได้รับการชดใช้ ผมขอใช้พื้นที่สื่อนี้ในการเผยแพร่เป็นอุทาหรณ์ถึงพฤติกรรมของคนแบบนี้ เพื่อเรียกร้องให้คนๆนี้ออกมารับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองที่ทำไว้กับผมและกับผู้อื่นครับ ไม่ว่าจะเป็นการชดใช้ผมตามคำสั่งศาล และขอโทษผม และก็ไม่รู้ว่ากฎหมายหรือกฎแห่งกรรม อะไรจะทำงานเร็วกว่ากัน ก็รอดูกันต่อไปครับ…
หากรู้สึกว่าข้อความข้างต้นหมิ่นประมาทคุณ และคุณจะฟ้องผมในข้อความหมิ่นประมาทนี้ ผมขอให้คุณไตร่ตรองให้ดีๆเลย ความรู้สึกใช้ในชั้นศาลไม่ได้ และอยากให้คุณรู้ไว้ว่า นี่ไม่ใช่การประจานอย่างแน่นอน แต่เป็นการโพสต์เป็นอุทาหรณ์ และคุณควรเอาเงินที่จะจ้างทนายฟ้องผมหรือฟ้องกลับผู้เสียหายคนอื่นๆ หลังจากนี้เพื่อมาชดใช้ให้ถูกต้องตามคำสั่งศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี