แม่ลูกจูงแขนเที่ยว “ผามออีแดง” คึกคัก นักท่องเที่ยวล้นหลามกว่า 5,000 คน โดยอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร งดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม ให้เที่ยวฟรี วันหยุดพิเศษ วันแม่แห่งชาติ
วันที่ 12 สิงหาคม 2567 เวลา 07.30 น.ที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร คาราวานรถนักท่องเที่ยวต่อแถวผ่านหน้าด่านเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจำนวนผู้ร่วมเดินทางภายในรถซึ่งส่วนใหญ่เดินทางกันมาเป็นครอบครัว โดยเจ้าหน้าที่มีการแจ้งให้ทราบว่าวันนี้งดเก็บค่าธรรมเนียม เที่ยวชมฟรี
นางจิตร อาจสัญจร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า ในวันนี้มีรถนักท่องเที่ยวพาครอบครัวเดินทางเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร หลั่งไหลมาเที่ยวชมผามออีแดงเป็นจำนวนมากกว่าวันหยุดปกติ การจราจรคับคั่ง ขยายพื้นที่จอดรถเพิ่ม บางคันอาจต้องจอดริมทาง แต่ได้ดำเนินการจัดเจ้าหน้าที่คอยโบกรถ และแนะนำพื้นที่จอดรถเพื่อความปลอดภัยแล้ว เนื่องในโอกาสที่เป็นวันหยุดพิเศษ วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยกเว้นค่าบริการสำหรับบุคคลชาวไทย เปิดให้คนไทยเข้าเที่ยวฟรี
ขณะที่บริเวณจุดชมวิวผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร บรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศพาครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกจูงมือประครองแม่ที่สูงวัยเดินเที่ยวชมธรรมชาติ แม่อุ้มลูกถ่ายภาพ ท่ามกลางบรรยากาศลมพัดเบาๆ หมอกฝนโปรยปรายมีเม็ดฝนเพียงเล็กน้อย อากาศแสนสดชื่น นักท่องเที่ยวทยอยขึ้นเที่ยวชมบรรยากาศธรรมชาติกันตั้งแต่เช้ามืด ตามเวลาทำการของอุทยานฯ ในช่วงวันหยุด คือเวลา 05.00 น. ถึง เวลา 16.00 น.
โดยนักท่องเที่ยวในห่วงเช้าที่ผ่านมา กว่า 5,000 คน และยังทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อชื่นชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติบริเวณหน้าผา ลมพัดเย็นเม็ดฝนโปรยเล็กน้อย การเดินเที่ยวชมธรรมชาติจึงสดชื่นเป็นพิเศษ เดินลัดเลาะขึ้นสู่ด้านบนจะพบกับหินสัญลักษณ์ ที่เขียนตัวอักษรสีขาวว่า “ผามออีแดง” พบนักท่องเที่ยวรอคิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกว่าได้มาถึง ผามออีแดง แล้ว และเดินเท้าลงบันไดตามเส้นทางมีภาพแกะสลักบนหน้าผา ภาพสลักหินนูนต่ำ และลัดเลาะไปยังสถูปคู่ ชมโบราณสถาน เมื่อนักท่องเที่ยวเที่ยวชมบริเวณผามออีแดงแล้ว ในช่วงขากลับลงมาไม่ไกลนัก จะเป็นซอยเลี้ยวขวามีป้ายบอกไปเที่ยวชม “ปราสาทโดนตวล” เป็นปราสาทขอมขนาดเล็กท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 มีลักษณะเป็นปรางค์เดี่ยว ผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง-ยาวประมาณ 7 เมตร ย่อมุมทั้ง 4 ด้าน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าตัวปรางค์ก่อด้วยอิฐครึ่งหนึ่งและก่อด้วยศิลาแลงอีกครึ่งหนึ่ง โดยก่อศิลาแลงจากฐานถึงครึ่งผนังเรือนธาตุ จากนั้นก่อขึ้นไปด้วยอิฐฝนเรียบจนถึงยอดปรางค์ บริเวณด้านหน้าประตูปรางค์มีแนวเสาหินทราย 4 ต้น สันนิษฐานว่าเป็นเสารองรับหลังคามณฑป ถัดออกมาจะมีเสาหินทรายอยู่อีก 4 ด้าน คาดว่าเป็นโคปุระ (ซุ้มประตู) นอกจากนี้ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปรางค์ยังพบหินทรายเรียงต่อกันเป็นรูปผืนผ้า สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบรรณาลัย (วิหาร) ส่วนสระน้ำซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของปราสาท มีลักษณะเป็นคันดิน อยู่ห่างจากปราสาทประมาณ 400 เมตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี