หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ได้มีมติอนุมัติงบประมาณค่าอาหารกลางวัน 2,955 ล้านบาท ในกลุ่มโรงเรียนขยายโอกาสทุกสังกัด 7,344 แห่ง รวม 575,983 คน โดยจะได้รับสูงสุดคนละ 36 บาท/วัน จากเดิม 24 บาท/คน/วัน มีผลปีงบประมาณ 2568 การจัดสรรงบประมาณดังกล่าว จะทำให้อาหารกลางวันในโรงเรียนมีความเหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมมุ่งเน้นการสร้างสุขภาวะที่ดีของเด็กวัยเรียนและสนับสนุนด้านการบริหารจัดการอาหารกลางวันอย่างยั่งยืน
ล่าสุด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มีท่าทีขานรับมติ ครม. ดังกล่าวอย่างชัดเจนแล้ว
ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ตามที่ ครม. มีมติปรับเพิ่มอัตราค่าอาหารกลางวันของนักเรียน ตั้งแต่ระดับเด็กเล็กไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในกลุ่มของโรงเรียนขยายโอกาสนั้นเป็นเรื่องดี โดยอาหารกลางวันในโรงเรียนมีส่วนสำคัญที่ทำให้เด็กไทยมีโภชนาการที่ดี โดยเฉพาะเด็กปฐมวัยในศูนย์เด็กเล็กและเด็กวัยเรียน ควรได้รับพลังงานและสารอาหารครบถ้วนเพียงพอและสมดุลตามธงโภชนาการ เพื่อทำให้การสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะต่างๆ สมบูรณ์ เติบโตเต็มศักยภาพและยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2567 พบว่าเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี ยังมีภาวะเตี้ย ผอมเริ่มอ้วนและอ้วน เฉลี่ยร้อยละ 11.9, 5.7 และ 8.7 ตามลำดับ และเด็กวัยเรียนอายุ 6-14 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน เฉลี่ยร้อยละ 13.1 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่บรรลุค่าเป้าหมายระดับชาติที่ตั้งไว้
ปัจจุบัน แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกับกรมอนามัย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และหน่วยงาน
อื่นๆ ที่ทำงานในเรื่องดังกล่าว ขับเคลื่อนการจัดการอาหารกลางวันในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนให้มีคุณภาพ มีอาหารที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายของเด็ก คือ ครบ 5 หมู่ในปริมาณและคุณภาพที่เพียงพอและเหมาะสมกับวัย โดยมีอาหารหลัก 5 หมู่ที่หลากหลาย อาหารว่างไม่เกิน 2 มื้อ นม 2-3 แก้วต่อวัน กินน้ำตาลและเกลือแต่น้อย ลดหวาน มัน เค็ม
และยังมีแนวทางในการสนับสนุนด้านการบริหารจัดการอาหารกลางวันอย่างยั่งยืน สนับสนุนโครงการเกี่ยวกับโภชนาการของเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนอยู่หลายโครงการ โดยเน้นการจัดอาหารกลางวันอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การส่งเสริมให้โรงเรียนและชุมชนร่วมกันทำเกษตรอินทรีย์ เชื่อมโยงผลผลิต วัตถุดิบปลอดภัยเข้าสู่โครงการอาหารกลางวัน เพื่อให้นักเรียนได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัย พัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน เพื่อให้ชุมชนรอบโรงเรียนมีส่วนร่วมในการจัดหาอาหาร เพิ่มรายได้ให้ครอบครัวในท้องถิ่น และลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) จากการขนส่งวัตถุดิบอาหาร
สนับสนุนการพัฒนาและใช้โปรแกรม Thai School Lunch ด้วยวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น เพื่อวางแผนการจัดอาหารที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการสนับสนุนการจัดอบรมผู้รับผิดชอบอาหารกลางวันทั้งระดับเขตและโรงเรียนให้ทำหน้าที่เป็นนักโภชนาการประจำโรงเรียน
ทพญ.จันทนา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สสส. ยังได้ร่วมเสนอแนะนโยบายการไม่จำหน่ายขนมและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงในโรงเรียนเพื่อช่วยลดโอกาสเด็กๆ ที่จะเป็นโรคอ้วน สนับสนุนให้โรงเรียนริเริ่มจัดการขยะอาหารจากอาหารกลางวันโรงเรียนเป็นปุ๋ยหมุนเวียนไปสู่เกษตรอินทรีย์ รวมทั้งสนับสนุนการศึกษาวิจัย เช่น ระบบการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ได้วัตถุดิบอาหารที่ปลอดภัยและเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ เป็นต้น โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลลัพธ์ของการมีอาหารคุณภาพดีและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะปลูกฝังให้เด็กมีพฤติกรรมการบริโภคที่ดี ซึ่งจะส่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพเด็กและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของระบบสาธารณสุขในอนาคต
นายธนา ยันตรโกวิท ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และกรรมการบริหารแผน คณะที่ 5 สสส. กล่าวว่า ในปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. มีบทบาทสำคัญในการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน มีการจัดสรรตามงบประมาณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้รวมไปถึงทำหน้าที่ในการจัดการและบริหารจัดการอาหารกลางวัน โดยมีเป้าหมาย คือ อาหารกลางวันที่เด็กรับประทานในแต่ละวัน จะต้องได้รับสารอาหาร และมีคุณค่าทางโภชนาการตามเกณฑ์มาตรฐานและปลอดภัย เพื่อให้นักเรียนได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้โรงเรียนมีการทบทวนนโยบายค่าอาหารกลางวันและปรับเปลี่ยนให้ยืดหยุ่นตามปีงบประมาณ มีการจัดทำข้อมูลจำนวนนักเรียนแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ได้ข้อมูลตามจำนวนที่มีอยู่จริง การคำนวณอัตราค่าอาหารกลางวันในแต่ละระดับชั้นให้เหมาะสม เนื่องจากเด็กนักเรียนในแต่ละระดับชั้นจะมีความต้องการอาหารที่แตกต่างกัน รวมไปถึงการจัดซื้อจัดจ้างผู้ที่รับจ้างมาทำอาหารให้กับเด็กนักเรียน จะต้องปฏิบัติตามระเบียบ มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้
“สสส. ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานและขับเคลื่อนโครงการอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพของเด็กไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะให้เด็กไทยได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและเหมาะสมกับวัย และยังร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างระบบอาหารที่ปลอดภัยและยั่งยืน เพื่อให้เด็กไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว” นายธนา กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี