นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานเวทีสรุปการศึกษาและพัฒนาเครื่องมือสำรวจสุขภาวะองค์กรอย่างยั่งยืน ที่อาคารวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมาว่า ทิศทางการสร้างเสริมสุขภาวะองค์กรตามยุทธศาสตร์ 10 ปี ของ สสส. เน้นการทำงาน ใน 5 ส่วนสำคัญ
ประกอบด้วย 1.การสร้างผลกระทบ(Impact) 2.การขยายผล (Scale up)3.สอดคล้องเป้าหมายองค์กรสุขภาวะ 7+1 (Alignment) 4.ความยั่งยืน (Sustainability) 5.การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี (Innovation) ที่ผ่านมาเครือข่ายองค์กรสุขภาวะ เดินหน้าพัฒนาองค์กรสุขภาวะและเครื่องมือสร้างเสริมสุขภาวะของคนในองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีของพนักงาน ภายใต้บริบทการทำงานปัจจุบันและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) แต่ยังพบข้อจำกัดการวัดผลการมีสุขภาวะที่ดีของคนทำงานในองค์กร และการประเมินผลที่ความรวดเร็ว
สสส. จึงร่วมกับคณะวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาเครื่องมือสร้างเสริมสุขภาวะของคนในองค์กร ภายใต้โครงการพัฒนาเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กรอย่างยั่งยืน ในรูปแบบแบบสำรวจออนไลน์ที่ได้ตามมาตรฐานสากล ใช้สำรวจสุขภาวะของคนทำงาน ครอบคลุมประเด็นเรื่อง Happy workplace ตามแนวทางความสุข 8 ประการ รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาสุขภาวะองค์กรให้เกิดความยั่งยืน
“นำร่องสำรวจสุขภาวะคนทำงาน 1,089 คน จากองค์กรภาคธุรกิจ 83 แห่ง ปี 2567 พบ คนทำงาน 50% ให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาวะในมิติทางสังคม
สิ่งแวดล้อมเป็นอันดับ 1 รองลงมามิติทางกายมิติทางปัญญา และมิติทางใจ สสส. เดินหน้าชวนองค์กรภาคธุรกิจทั่วประเทศใช้เครื่องมือวัดสุขภาวะองค์กร สำหรับผลประเมินสุขภาวะของคนทำงานทุกมิติ เป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ข้อมูลแก่องค์กรเพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่เอื้อต่อการเป็นองค์กรแห่งสุขภาวะที่อย่างยั่งยืน” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
รศ.ดร.พลิศา รุ่งเรือง รักษาการแทนรองคณบดีงานบริหาร และรักษาการแทนรองคณบดีงานวิจัย วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้พนักงานลาออก ส่วนใหญ่มาจากความเครียดและความกดดันจากการทำงาน บรรยากาศโดยรวมขององค์กรที่ไม่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ผลงานและพัฒนาทักษะใหม่ๆ สวัสดิการขาดความยืดหยุ่น ไม่สอดคล้องกับคุณภาพชีวิตและสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งผู้บริหารยุคใหม่จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ Well-beingในการบริหารจัดการสุขภาวะที่ดีในที่ทำงาน พัฒนาทักษะความสามารถของพนักงาน พร้อมกับปรับวัฒนธรรมองค์กรเพื่อดึงดูดพนักงานหน้าใหม่
“ระบบดิจิทัลสำรวจสุขภาวะในองค์กร จะเป็นเครื่องมือสำคัญให้องค์กรภาคธุรกิจใช้สำรวจสุขภาวะของพนักงานใน 4 มิติ คือ มิติทางกาย มิติทางใจ มิติทางปัญญา มิติทางสังคมสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกิดความผูกพันต่อองค์กร และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDG) และแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (ENVIRONMENT, SOCIAL, GOVERNANCE : ESG) และบริหารจัดการองค์กรให้มีสุขภาวะที่ดีส่งเสริมสุขภาพคนทำงานให้สมดุลและยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ และ สสส. ต่อไป” รศ.ดร.พลิศา กล่าว
รศ.ดร.สุภรักษ์ สุริยันเกียรติแก้ว หัวหน้าทีมวิจัยโครงการพัฒนาเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กรอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ทีมวิจัยได้นำเครื่องมือวัดสุขภาวะองค์กรไปประยุกต์ใช้จริงในองค์กรต้นแบบ 3 แห่ง ได้แก่ 1.บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด 2.บริษัท แสงไทยเมตัลดรัม จำกัด 3.บริษัทเงินมาธุรกิจ จำกัด โดยการสำรวจสุขภาวะคนทำงานในองค์กร ประเมินผล พัฒนานโยบายและกิจกรรมส่งเสริมการเป็นองค์กรสุขภาวะที่ดี
“เกิดผลลัพธ์ขององค์กรสุขภาวะที่เป็นเลิศตรงกันใน 4 มิติ คือ 1.มิติความผูกพันขององค์กร 2.มิติผลผลิตของพนักงาน 3.มิติความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4.มิติภาพลักษณ์ของตราสินค้า เป็นการตอกย้ำว่า การที่องค์กรส่งเสริมสุขภาวะให้คนทำงาน จะสามารถช่วยให้องค์กรมีผลผลิตที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงที่ดี ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่สุดสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนขององค์กรต่อไป” รศ.ดร.สุภรักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อใช้งานระบบแบบสอบถามออนไลน์เพื่อสำรวจสุขภาวะในองค์กรได้ที่ wellbeingsurvey.th@gmail.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี