25 สิงหาคม 2567 ยังอยู่ในช่วงเข้าพรรษา หลายคนทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ – สามเณร ที่หน้าบ้านพัก ต่อด้วย ถวายภัตตาหารเพลที่วัดใกล้บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลอยู่เย็นเป็นสุข ทำการใดสำเร็จลุล่วงทุกประการ และที่วัดสำราญนิเวศ(พระอารามหลวง) ตั้งอยู่ ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เช่นกัน มีพุทธศาสนิกชน ญาติโยม เดินทางเข้ามาทำบุญ นมัสการ พระสังกัจจายน์ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับพระสังกัจจายน์ พระดิษฐานอยู่ภายในวิหาร ใกล้กับ อุโบสถ และศาลาการเปรียญ มีความสูง 26 เมตร หน้าตักกว้าง 10 เมตร โดยมีพระสังกัจจายน์องค์เล็ก จำนวน 84,000 องค์ ตามพระธรรมขันธ์ ตั้งอยู่รอบๆอย่างสวยงาม ห่างไปทางทิศใต้ประมาณ 50 เมตร จะเห็นพระพุทธรูปประจำวันเกิด ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในเพิงถาวร โดยมีสิงโตทอง 2 ตัว ยืนอยู่สองข้างทางเข้า พร้อมรอยพระพุทธบาท จำลอง วางอยู่บนแท่นยกสูงประมาณ 1 เมตร และมีกองใหญ่เก่าแก่ 2 ใบ พร้อมฆ้อง 3 ใบ มีให้เห็นได้ดูชมเช่นกัน
ส่วนด้านทิศตะวันตกของวัดสำราญนิเวศ เป็นที่ตั้งของวิหาร มีชื่อว่า ทิพย์อำนาจ ประดิษฐาน พระพุทธรูป ทิพย์อำนาจ แบบปูนปั้น สีทองทั้งองค์ ลักษณะเป็นพระประธาน สูง 15 เมตร หน้าตักกว้าง 10 เมตร รายรอบไปด้วยสัตว์ในวรรณคดีหลากหลายชนิด และพระพุทธรูป จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะด้านหน้าวิหาร บริเวณบันไดทางขึ้น ทำเป็นรูปปั้นพระสงฆ์เดินธุดงยืนอยู่บนหลังสัตว์ในวรรณคดี ลักษณะตัวเป็นเต่าหัวเป็นพญานาค 4 เศียร และมีเต่าเงิน 2 ตัว เต่าทอง 2 ตัว ประจำอยู่ 4 ทิศ
ส่วนด้านทิศตะวันออก(หลังวัด) เป็นสระน้ำขนาดกลาง กำหนดเป็นเขตอภัยทาน มีสัตว์น้ำ แหวกว่ายในสายน้ำหลากหลายชนิด ที่ผ่านมา ญาติโยม พุทธศาสนิกชน นิยม มานั่งพักผ่อนหย่อนใจ หลายคน นำอาหารปลา มาให้ปลา เพื่อเป็นการทำบุญ สร้างกุศลอีกทางหนึ่งด้วย
ที่ผ่านมา สระน้ำขนาดกลาง ได้มีการปรับปรุงพัฒนาจนแล้วเสร็จ กลายเป็น “วังพญานาค“ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ด้วยการทำเป็นทางเดินรอบสระน้ำท่ามกลางเหล่ารูปปั้นพญานาครอบทางเดิน ที่เป็นไฮไลท์ ทำเอาบรรดานักท่องเที่ยว ตื่นเต้น และประทับใจมาก คือการเดินทางบางช่วงต้องลอดอุโมงค์พญานาค - ลอดถ้ำพญานาค เพราะเชื่อว่า การลอดถ้ำพญานาค และอุโมงค์พญานาค จะทำให้มีโชคลาภ ร่ำรวย ถ้วนหน้า ทุกวัน จึงมีผู้คนเข้าไปลอดถ้ำพญานาคและอุโมงค์พญานาคคึกคัก
ก่อนเดินทางกลับพุทธศาสนิกชน ญาติโยมทั้งหลาย จะเข้าไป ฟังพระธรรมเทศนากับ เจ้าอาวาสวัดสำราญนิเวศ ซึ่งแต่ละคนที่มาหาจะมีความทุกข์ต่างกัน ในการเทศนาแสดงธรรมทุกครั้ง จะนำเอาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พุทธศาสนิกชน ญาติโยม ทั้งหลายฟังเป็นหลักปฏิบัติ มุ่ง เน้น ความกตัญญู รู้คุณบิดา มารดา และประเทศชาติ จะต้องมีอยู่ในใจเป็นสำคัญ
และเทศนาตอนหนึ่งว่า ก่อนนอนต้องไหว้พระไตรสรณคมน์ไม่ให้ขาด ตลอดทั้งเช้าและเย็น หลังจากไหว้พระเสร็จ ให้สำรวมจิตใจสงบเป็นสมาธิ แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ครูบาอาจารย์ พ่อ แม่ ตามบทแผ่เมตตา พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ในเมตตานิสังสสูตรว่า ผู้เจริญเมตตาเต็มที่แล้ว ได้รับอานิสงส์ 11 ประการ คือ
1.สุขัง สุปะติ คือ หลับก็ไม่ฝันร้าย 2.สุขัง ปะฏิพุชณะติ คือ ตื่นก็เป็นสุข 3. ปาปะกัง คือ สุปินังปัสสะติ คือ หลับก็ไม่ฝันร้าย 4.มะนุสสานัง ปิโย โหติ คือ เป็นที่รักของมนุษย์ 5.อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ คือ เป็นที่รักของภูตผีปีศาจ ผีไท้ นางทรง เทวดาอารักษ์ ปู่ตาย่าแฮด ไม่มาเบียดเบียนให้เจ็บตัว ด้วยประการต่างๆ 6.เทวะดารักขันติ คือ เทวดาย่อมมาอภิบาลรักษาผู้เจริญ ทุกค่ำเช้า จะมีเทวดามารักษาวันละ 6 องค์ 7. นาสสะอัคคิ วา สัตถังวา กะมะติ คือ ไฟ ยาพิษ ศัสตรา ย่อมไม่ทำร้าย หรือเป็นอันตราย 8.ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ(ผู้มิจตเมตตา)จิตตั้งมั่นได้เร็ว มีสามธิได้เร็ว 9.มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ มีจิตรใจเบิกบาน ไม่เศร้าหมอง 10. อสัมมุฬโห กาลัง กะโรติ เวลาจะสิ้นลมหายใจก็มีสติ 11.อุตตะริง อัปปะฏิวิชณันโต พรหมโลกูปะโค โหติ เมื่อยังไม่บรรลุมรรคผล ในปัจจุบัน ก็จะเข้าถึงพรหมโลก
ขอให้พวกเราทั้งหลายเจริญเมตตาทุกค่ำเช้า ผู้มีความเมตตาปรารถนา ไม่ให้สัตว์อื่นตกทุกข์ได้ยาก โดยเปรียบเทียบกับตนเองที่รักสุขภาพเกลียดทุกข์ฉันใด ผู้อื่นสัตว์อื่นก็เหมือนกัน แล้วก็ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์สดใส ทั้งนี้ ความเชื่อในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มี 4 ประการ คือ 1. กัมมสัทธา เชื่อกรรม 2.วิปากสัทธา เชื่อผลของกรรม 3.กัมมัสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน 4.ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระคถาคต
กุศลกรรม คือ ความดี เหตุดี ได้ผลดี เหตุชั่ว ได้ผลชั่ว เชื่อว่า บรรดาสัตว์ทั้งหลายทั่งยังมีกิเลสสานุสัย ทำกรรมดันใดด้วย กาย วาจา ใจ ก็ย่อมได้เสวยผลจองกรรมนั้นๆ กรรมนั้น แหละย่อม จำแนกสัตว์ ผู้กระทำให้ประณีตและเลวทรามต่างๆกัน ความหยั่งรู้ในคุณพระพุทธเจ้า คุณธรรมเจ้า คุณพระสงฆ์เจ้า เชื่อไปว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ธรรมโดยชอยด้วยพระองค์เอง ธรรมที่พระองค์ทรงสั่งสอน เวไนยสัตว์ ได้ชื่อว่า ตรัสรู้ชอบแล้ว และสวฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว เป็นต้น
เมื่อเราศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ก็ให้พากันทำความดีให้ทุกวัน ไม่เลือกวันเวลา เช่น การปฏิบัติธรรม ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว ว่า ทำวันนั้นเวลานั้น จึงจะเจริญดีมีความสุข คือ การทำความดีนั้น เป็นอกาลิโก คือ ไม่เลือกกาลเวลา ทำเมื่อไรได้ผลเมื่อนั้น ถือเอาความเหมาะสม และสะดวกเป็นประมาณ ขอให้ทำบุญในพระพุทธศาสนา คือ ให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา ก็เชื่อว่า รักษาอุบาสก อุบาสิกาไว้ด้วย
สมบัติทั้ง 5 ประการ ที่บรรยายไปแล้วนั้น ขอให้รักษาไว้โดยเคร่งครัดและให้พวกเราเว้นวิบัติ 5 ประการ อันวิปริตตรงข้ามกันนั้น วิบัติ 5 ประการ คือ 1.ไม่มีศรัทธา 2.ไม่มีศีล 3.เชื่อมงคลตื่นข่าว เชื่อฤกษ์ยามเคราะห์ 4แสวงหาเขตนาบุญนอกพุทธศาสนา
พวกเรา เป็นอุบาสก อุบาสิกา พึงรักษาสมบัติของพวกเราไว้ อย่าให้บกพร่อง ให้พากันตั้งอกตั้งใจรักษา เจริญเมตตาภาวนา พวกเราก็จะได้มีพลานิสงส์ ที่อาตมาได้บรรยายมาแล้ว ก็ให้พากันมีศรัทธาตามที่กล่าวมาแล้ว คือ คาระธรรม 6 ประการ ขอให้ญาติโยม ได้นำไปปฏิบัติ สิ่งใดควรละ ก็ขอให้พากันเพียรละสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ขอให้นำไปประพฤติปฏิบัติ จะทำให้ใจสบาย มีความสุข
ที่สำคัญ บุตร ธิดา ลูก หลาน ต้องมีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดา มารดา คือ ผู้มีพระคุณสูงสุด เด็กสมัยนี้ ลืมบุญคุณพ่อแม่ มันถึงได้บอกยาก สอนยาก ทำอะไรทำตามเพื่อน เอาเพื่อนมาก่อน ไม่มีพ่อแม่อยู่ในใจ อาตมา เคยถามเด็กที่มีโทรศัพท์ว่า เคยโทรหาพ่อแม่กี่ครั้ง เงียบ ตอบไม่ได้ มีแต่พ่อแม่โทรหาลูก เป็นห่วงลูก บางคนถึงกับโกหกพ่อแม่ว่า ทำรายงาน หรือทำกิจกรรม แต่โทรหาแฟน โทรแล้ว โทร.อีก ไม่หยุด นี่คือ การลืมคุณพ่อคุณแม่ คุณพระเจ้าอยู่หัว คุณพระราชินี คุณพระอาจารย์ พี่ ป้า น้า อา ใครบ้างมีบุญคุณ ควรรู้ ซึ่งธรรมในศาสนาสอนให้กตัญญู ถ้าไม่รู้จักกตัญญู ไม่รู้จักบุญคุณคน ทำอะไรจะไม่สำเร็จ โดยเฉพาะผู้ที่ทำให้แม่เสียใจ น้ำตาไหล คนนั้นจะมีบาปติดตัวไปจนตาย ที่หนักไปกว่านั้น คือ ลูกที่ฆ่า บิดา มารดา ยิ่งบาปหนัก ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิดเลย...
และจงจำไว้เสมอว่า พระองค์แรก คือ พระบิดาและพระมารดา ผู้ให้ร่างกาย ผู้ให้ชีวิต ต้องนึกถึงพระ 2 องค์ในบ้านก่อน จะทำอะไร จะคิดอะไร ให้ระลึกถึงบุญพระ 2 องค์ในบ้าน ทำการใดจะสำเร็วลุร่วงทุกอย่าง เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น จากนั้นนึกถึงบุญคุณของประเทศชาติ บุญคุณสถาบันพระมหากษัตริย์ บุญคุณวัดศาสนา ฯลฯ ที่สำคัญที่สุด ทำอย่างไร ลูกหลานจะหันเข้าหาศีลธรรม เข้ามาหาประเพณีอันดีงาม ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ นี่คือ ปัญหาหลัก ซึ่งลูกหลานจะเป็นผู้รักษาพุทธศาสนาและประเทศชาติต่อไป...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี