น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวถึงเวทีการประชุม “สานพลังอาเซียนบวกสาม เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในเศรษฐกิจดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ สภาผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิผู้บริโภคแห่งอินโดนีเซีย (YLKI) และสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคมาเลเซีย (FOMCA) รวมทั้งองค์กรของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียน +3 ระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เพราะนอกจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้การป้องกันและจัดการการละเมิดสิทธิผู้บริโภคทางไซเบอร์แล้ว ยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกัน เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือระหว่างองค์กรผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ที่ทำให้สมาชิกทุกประเทศได้รับผลประโยชน์อย่างความเท่าเทียม เพื่อพัฒนาการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ และเสริมสร้างศักยภาพในระดับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้บริโภคไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมาก
ดร.อัมรินทร์ พิมพ์หนู ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.วิสามัญ) พิจารณาศึกษาแนวทางในการควบคุมและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กมธ. อยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างเร่งด่วนต่อแนวทางในการกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยี AI โดยการออกกฎหมายปัญญาประดิษฐ์ในประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเด็นที่ให้ความสนใจเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ของเทคโนโลยี AI รวมทั้งเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
น.ส.อลิซ แพม (Ms. Alice Pham) ผู้อำนวยการสำนักงานเอพีวิจัย ประเทศเวียดนาม กล่าวถึง ภัยการหลอกลวงและการฉ้อโกงออนไลน์โดยใช้ AI ส่งผลต่อมูลค่าความสูญเสียของผู้บริโภคเวียดนามในปี 2566 กว่า 16,230 ล้านเหรียสหรัฐหรือเทียบเท่า 3.6% ของ GDP ในปีเดียวกันกระทรวงความมั่นคงสาธารณะได้ดำเนินคดีด้านนี้สูงถึง 1,500 คดี สูญเสียเงินรวม 318-398 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารรายงานการร้องเรียนจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 17,400 กรณี มูลค่ากว่า 12ล้านเหรียญสหรัฐ โดยพบรูปแบบการหลอกลวงมากถึง 24 ประเภท รวมถึงการแอบอ้างชื่อตราสินค้า การแฮกบัญชี ซึ่งเกิดจากซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ไม่เปิดเผยตัวตน บัญชีธนาคารที่ไม่ได้รับอนุญาต การรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว รวมถึงการเติบโตของเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Al DeepFake เป็นต้น
ซึ่งรัฐบาลเวียดนามมีความพยายามแก้ไขปัญหาหลอกลวงและการฉ้อโกงออนไลน์ ผ่านเครื่องมือที่ผสมผสาน ทั้งการบังคับใช้กฎหมายความคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคหลายฉบับ รวมทั้งร่างกฎหมายว่าด้วยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งการให้การศึกษาและการสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้บริโภค ตลอดจนการดำเนินคดีและการแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นต้น
นายอัง จง ซิน วิลเฟรด (Mr. Ang Zhong Xin Wilfred) รองหัวหน้าฝ่ายผู้บริโภคสัมพันธ์ สมาคมผู้บริโภคแห่งสิงคโปร์ กล่าวว่า สิงคโปร์มีความกังวลอย่างยิ่งในการเผชิญปัญหาการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความทันสมัยและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกหลวงผู้บริโภค โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของกรณีการปลอมแปลงเสียงพูดเพื่อนำไปสู่การหลอกลวง รวมทั้งการทุจริตโดยใช้ระบบแชทบอท สร้างปัญหาใหญ่ให้กับธนาคารและตำรวจ เนื่องจากสิงคโปร์ยังมีข้อมูลด้านนี้ไม่เพียงพอและกฎหมายที่ยังไม่ทันสมัย
ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 พบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อ-ขายสินค้าและบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) 2,611 กรณี ซึ่งเกินครึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาตลอดทั้งปี 2566 ที่มีข้อร้องเรียน 3,711 กรณี ปัญหา 5 อันดับแรก คือการปฏิเสธจากผู้ให้บริการ 922 กรณี รองลงคือความล่าช้าในการคืนเงิน 363 กรณี บริการที่ไม่น่าพึ่งพอใจ 332 กรณี การชดเชย 278 กรณี และสินค้าค้ามีตำหนิหรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนด 242 กรณี
น.ส.กิลลี วอฟัง-ฮาน (Ms. Gilly Wong Fung-han) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาผู้บริโภคฮ่องกง เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ในปี 2566 การหลอกหลวงการซื้อขายออนไลน์เป็นปัญหาอันดับหนึ่งของผู้บริโภคฮ่องกงในสัดส่วนสูงถึง 32.28% ขณะที่ล่าสุดในเดือน พ.ค.2567 พบการปลอมแปลงคลิปวีดีโอโดยการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือคนดังสูงถึง 21 คลิป และมีกรณีชาฮ่องกงถูกหลอกให้จ่ายเงินถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหลงเชื่อว่าได้วีดีโอคอลกับรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของบริษัทข้ามชาติในอังกฤษ
ขณะที่ในส่วนของการป้องกัน ได้ผสมผสานมาตรการที่หลากหลาย เช่น การใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “สแกมเตอร์ (Scameter)” เพื่อค้นหาการหลอกลวงแบบครบวงจรในระบบออนไลน์ การส่งเสริมความรู้แก่ผู้บริโภค การเฝ้าระวังตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การจัดทำเว็บไซต์ Online Price Watch และ Oil Price Watch เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าและน้ำมันเพิ่มความโปร่งใส่ต่อการกำหนดราคา และการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี