ห้องประชุม ชั้น 2 ศูนย์กีฬาและนันทนาการ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา คึกคักไปด้วยนักศึกษาจาก 5 วิทยาเขต
น้องๆ นักศึกษาเหล่านี้สมัครเข้าร่วมเป็นนักรณรงค์และจัดการความรู้ในโครงการสานพลังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์รณรงค์และจัดการความรู้ ลดปัจจัยเสี่ยงในมหาวิทยาลัยและชุมชน ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สนับสนุนให้ทำโครงการทั้งจากวิทยาเขตหาดใหญ่ ปัตตานี ตรัง ภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี
เมื่อทำงานจัดเก็บข้อมูล จัดกิจกรรมไปพอสมควรแล้วก็ถึงเวลาต้องกลับมาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้ไปเจอะเจอมา มีปัญหาอุปสรรคตรงไหนและจะทำอะไรกันต่อไปโดยมี ผศ.สุพจน์ โกวิทยา ที่ปรึกษาโครงการเป็นประธานเปิดกิจกรรม มี รศ.ดร.นฤทธิ์ ดวงสุวรรณ์ หัวหน้าโครงการเป็นคนสรุปภาพรวม
หัวหน้าโครงการฯบอกว่าได้ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาและกรรมการบริหารโครงการและกรรมการ ดำเนินงานวิทยาเขตประชุมกัน 2 เดือนต่อครั้ง มีบัณฑิตอาสานักจัดการปัจจัยเสี่ยงวิทยาเขตละ 1 คน ทำหน้าที่จัดการข้อมูล ประสานงานขับเคลื่อนกิจกรรมและรณรงค์สร้างการรับรู้ ผลงานที่ผ่านมา วิทยาเขต หาดใหญ่และภูเก็ตเตรียมออกมาตรการคุมบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 1 ฉบับ วิทยาเขตปัตตานีผลักดันให้เกิด มัสยิดบ้านม่วงเงินปลอดบุหรี่และอนาคตจะขยายไปในระดับชุมชนด้วย
เรื่องอุบัติเหตุวิทยาเขตหาดใหญ่และตรัง มีการสังเกตพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัย พร้อมทำ รายงานสถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงทั้งในวิทยาเขตและชุมชน กำหนดแนวทางการจัดการปัจจัยเสี่ยงในมหาวิทยาลัยและชุมชน วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีจัดส่งรายงานที่มีผลการวิเคราะห์ ปัจจัยเสี่ยงด้านอุบัติเหตุ แอลกอฮอล์ บุหรี่ และสารเสพติดอื่นๆ ในวิทยาเขตสุราษฎร์ธานีและชุมชนภูธรอุทิศ ให้แก่หน่วยงานระดับท้องถิ่น อำเภอ จังหวัด เพื่อวางแผนในการแก้ไขปัญหาต่อไปด้วย
จุดเด่นของโครงการนี้อีกอย่างหนึ่งคือการพัฒนานักรณรงค์ปัจจัยเสี่ยงที่มาจากนักศึกษา บุคลากร ของวิทยาเขตให้ผลิตสื่อออนไลน์ คลิปวีดีโอ เผยแพร่ผ่าน Facebook และผลิตสื่อ TikTok โปสเตอร์ บอร์ดเกมส์ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายผลิตไวนิลรณรงค์ช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ด้วย
นอกจากนั้น ยังมีการอบรมเพื่อสร้างแกนนำอาสาสมัครจราจร แกนนำในชุมชนร่วมขับเคลื่อนโครงการ แกนนำชุมชนต้นแบบ ลด ละ เลิกบุหรี่ แกนนำนักเรียนนักรณรงค์โรงเรียน วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี ร่วมรณรงค์ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาโดยมีคนลงนามงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2567
กิจกรรมสำคัญในภาคบ่ายยังมีการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเทคนิคการผลิตสื่อ TikTok อย่างไรให้ปัง ทำออกมาแล้วเป็นที่สนใจของกลุ่มเป้าหมาย หลังจากที่ได้ความรู้จากการให้คำแนะนำของผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านสื่อสารมวลชนและรณรงค์มานาน ตอนนี้สวมบทบาทเป็นกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพอย่าง วิเชษฐ์พิชัยรัตน์ บวกกับข้อมูลเรื่องสถานการณ์และพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าจาก ผศ.ดร.ลักขณะ เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพด้านการควบคุมยาสูบที่เป็นคนตอกย้ำถึงความร้ายกาจของบุหรี่ไฟฟ้า
กรรมการกองทุน สสส. บอกว่าข้อมูลที่น้องๆ นักศึกษาได้รายงานมีหลายอย่างน่าสนใจเช่นมีการสังเกตการณ์พฤติกรรมการสวมหมวกกันน็อก วิทยาเขตหาดใหญ่สวมหมวกนิรภัยเกิน 80% แต่วิทยาเขตตรัง สวมเพียง 50% เท่านั้น ส่วนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้านั้นข้อมูลวิทยาเขตภูเก็ตมีคนสูบบุหรี่ไฟฟ้า 19.5% มากกว่าบุหรี่ธรรมดาที่สูบกัน 8.2%
ไม่ว่าบุหรี่มวนหรือไฟฟ้าก็ไม่ดีทั้งนั้น บอร์ดสสส.ย้ำ
ข้อมูลที่น่าตกใจอีกอย่างหนึ่งคือผลสำรวจออกมาพบว่านักศึกษาซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากที่ไหนมากที่สุด คำตอบบอกชัดเจนว่า 87% ซื้อจากออนไลน์ ส่วนที่ซื้อจากแผงหน้าร้านนั้นมีน้อยนิด สอดคล้องกับงานวิจัยส่วนใหญ่ที่เห็นตรงกันว่าถ้าเราแก้ปัญหาการซื้อผ่านออนไลน์ไม่ได้หายนะกำลังรออยู่ข้างหน้า
ขณะที่ปัญหาเรื่องการสูบบุหรี่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาสที่รุนแรงกว่าภาคอื่น นั้น วิทยาเขตปัตตานีที่เลือกทำเรื่องลดปัญหาการสูบบุหรี่นั้นเน้นทำงานร่วมกับชุมชนสร้างต้นแบบมัสยิดปลอดบุหรี่ได้ 1 มัสยิดแล้ว ในอนาคตจะขยายไปสู่ชุมชนด้วยเช่นอาจจะทำต้นแบบร้านน้ำชาปลอดบุหรี่
เป็นไปได้ขนาดไหนคงต้องให้กำลังใจกันหน่อยเพราะร้านน้ำชานั้นเป็นชุมชนสนทนาของ พ่อบ้านในชุมชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
สุดท้ายบอร์ดสสส.ย้ำว่าอย่าลืมใช้ประโยชน์จากข้อมูลไปสื่อสารรณรงค์ให้ความรู้และจัดกิจกรรมเช่นเมื่อระบุจุดเสี่ยงของอุบัติเหตุแล้วจะลดจุดเสี่ยงอย่างไรหรือสวมหมวกนิรภัยน้อยจะมีกิจกรรมเพิ่มการสวมหมวกนิรภัยให้มากขึ้นได้อย่างไร
ส่วน ผศ.ดร.ลักขณา พูดถึงความรุนแรงของบุหรี่ไฟฟ้าว่า ประชากรไทยวัย 15 ปีขึ้นไปสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 48,336 คนในปี 2557 เป็น 709,677 คน ในปี 2565 ที่น่าตกใจผู้หญิงสูบเพิ่มขึ้นถึง 7.9 เท่า อันตรายและโรคที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้ามีทั้งทำลายเซลล์หลอดเลือดแดง เส้นเลือดในสมองตีบเร็วกว่าสูบบุหรี่ธรรมดาถึง 10 ปี ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น ไขมันในเลือดสูง เบาหวานมิหนำซ้ำควันบุหรี่ไฟฟ้าทั้งมือหนึ่งและมือสองมีผลต่อพัฒนาการสมองของทารกในครรภ์
พร้อมกับตอกย้ำว่าเด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงกว่าเด็กที่ไม่สูบ 3-4 เท่า นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เส้นเลือดหดตัวทั่วร่างกาย คุณผู้ชายทั้งหลายต้องฟังเพราะใครสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
เปิดความจริงกันขนาดนี้ผู้ชายทั้งหลายจะไม่เลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าให้มันรู้ไป
ปิดท้ายวันนั้นมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีหน้ากำกับติดตามโครงการที่ท่านอธิการบดี ม.อ. ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ ลงมานั่งเป็นประธานเองได้รับฟังความคืบหน้าของการทำงานจากบัณฑิตอาสาและผู้บริหารของแต่ละวิทยาเขตที่ได้ชี้ให้เห็นความสำเร็จรวมทั้งการสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานเพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป ประเด็นสำคัญที่อธิการบดีเน้นย้ำคือ
ทำอย่างไรเราจึงจะสื่อสารไปยังเด็กหรือเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้โดยตรง นั่นคือคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือบุหรี่ไฟฟ้า
ประเด็นนี้ถ้าจะพูดให้ตรงไปตรงมาก็คือเรารณรงค์กับเด็กที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์คนเหล่านี้ รู้อยู่แล้ว แต่เด็กที่สูบที่ดื่ม หรือ ทั้งสูบทั้งดื่มจะทำอย่างไรให้ลดลงหรือเลิกไปเลยได้หรือไม่
สิ่งที่เป็นความตั้งใจหรือจะเรียกว่าเป้าหมายก็ได้ในวันนั้นคือ อธิการบดี ผู้บริหารและทุกฝ่ายต่างประกาศว่าอยากจะทำให้นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทั้ง 5 วิทยาเขต
สวมหมวกกันน็อก 100% ตามที่กฎหมายกำหนด
เห็นความตั้งใจในการทำความดีเพื่อลดการเจ็บ การตายจากอุบัติเหตุ
ก็ต้องเชียร์กันสิครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี