อัตลักษณ์ของไทย ถือว่ามีความโดดเด่น เป็นที่ยอมรับและชื่นชมไปทั่วโลก เป็นสมบัติล้ำค่าของชาวไทยที่จะต้องสืบสานเอาไว้ตราบนานเท่านาน และก็เป็นที่น่าชื่นใจ ที่เราไม่เคยลืมเลือนในสิ่งนี้ โดยได้มีการรักษาและส่งเสริมให้รู้จักไปทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
ส่วนหนึ่งที่เป็นการขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัดก็คือการจัดงาน“อัตลักษณ์แห่งสยาม” ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 แล้ว โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ว่า กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยได้น้อมนำพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษา ต่อยอดมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานให้กับประชาชนไทยอย่างต่อเนื่อง
การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังของกระทรวงพาณิชย์โดยสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. ร่วมกับภาคเอกชนและพันธมิตร เพื่อสร้างการรับรู้และความตระหนักในคุณค่าและภูมิปัญญางานหัตถศิลป์ไทย ให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้วัฒนธรรมในอดีตในรูปแบบศิลปหัตถกรรมและรักษาให้คงอยู่ตลอดไป ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย(The Legend of Thai Craft)” อีกทั้ง ยังเป็นโอกาสในการเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างเหล่านี้ ให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล
ขณะเดียวกัน สศท. ก็ได้คัดสรรบุคคลที่เป็นที่สุดในการอนุรักษ์และสร้างสรรค์ผลงานแห่งปี เพื่อมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2567 รวม 31 ราย แบ่งเป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน จำนวน 4 ราย, ครูช่างศิลปหัตถกรรม จำนวน 11 ราย และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม จำนวน 16 ราย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้สร้างสรรค์หัตถศิลป์ไทยได้เกิดความภาคภูมิใจในการอนุรักษ์ คุณค่าภูมิปัญญาทักษะฝีมือเชิงช่างที่อยู่ในตัวบุคคล ที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติอันมีค่าไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา และส่ง ต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ขณะที่ นางพรรณวิลาส แพพ่วง รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวเสริมว่า งานอัตลักษณ์แห่งสยามในปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 เพื่อสืบสานงานศิลปหัตถกรรมไทยที่ใกล้สูญหาย รักษาภูมิปัญญาองค์ความรู้ของบรรพบุรุษที่มีอัตลักษณ์ และสะท้อนความตั้งใจในการสร้างสรรค์ และต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ในฐานะมรดกภูมิปัญญาคู่แผ่นดิน สู่การเป็น Craft Power สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างเงินสะพัดภายในงานไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาท
สำหรับกิจกรรมภายในงานปีนี้ ออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนที่หนึ่ง การจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาพัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ในการวางรากฐานสนับสนุนงานศิลปหัตถกรรมบนผืนแผ่นดิน ส่งเสริมอาชีพด้วยภูมิปัญญา ภายใต้แนวคิด “คือพระหัตถ์สร้างงาน รากฐานงานหัตถศิลป์ไทย” รวมถึงจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ รวมไปถึงส่วนสาธิต อาทิ ทอผ้าจก, จักสานย่านลิเภา, จักสานไม้ไผ่ลายขิด ฯลฯ โดยสมาชิกมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
อีกทั้ง ยังมีไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ นิทรรศการ “หัตถศิลป์ที่คิดถึง” พื้นที่จัดแสดงผลงานหัตถศิลป์ล้ำค่าของครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรมไทย ที่หาชมได้ยาก และใกล้สูญหาย กว่า 50 ผลงาน ซึ่งเป็นงานศิลปหัตถกรรมอันทรงคุณค่า ทั้งที่หาชมได้ยาก และใกล้สูญหาย อาทิ ขันลงหิน-บ้านบุ ครูเมตตา เสลานนท์ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2552,มีดเหล็กลาย ครูพชร พงศกรรังศิลป์ ครูศิลป์ของแผ่นดินปี 2559, หัตถกรรมทองเหลืองสาน ครูวนิตย์ ธรรมประทีป ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2553 เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีโซนสาธิตกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานหัตถกรรมชิ้นเอก ถ่ายทอดเทคนิค กระบวนการกว่าจะมาเป็นงานหัตถกรรม โดยครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม กว่า 25 ราย อาทิ เครื่องประดับมุกโบราณ, งานต้องลายปานซอย (งานฉลุลายโลหะแบบศิลปะไทใหญ่), ลายรดน้ำ, เครื่องเขิน, พวงมโหตร, แกะสลักไม้, ว่าวเบอร์ฮามัส ฯลฯ และนิทรรศการ “ตำนานบทใหม่ของช่างฝีมือคนไทย” เชิดชูครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรมไทย และทายาทศิลปหัตถกรรมไทย ประจำปี 2567
กิจกรรมส่วนที่สอง ภายในงานได้จัดพื้นที่เพื่อส่งเสริมคุณค่างานหัตถศิลป์ จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม เพื่อสนับสนุนการจำหน่าย รวมไปถึงเพิ่มโอกาสและช่องทางการตลาดแก่ผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมให้กับกลุ่มผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์งานศิลป์(Workshop) กว่า 20 กิจกรรม ถ่ายทอดโดยครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม อาทิ หุ่นกระบอกไทยจิ๋ว, สลักดุนโลหะ, ทำหัวโขนแม่เหล็ก และการลงรักปิดทอง เป็นต้น
“งานอัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 เป็นงานจัดแสดงผลงานหัตถศิลป์ชั้นบรมครู และจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยที่ยิ่งใหญ่ มีกิจกรรมภายในงานที่หลากหลายให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัส พร้อมนำเทคนิคในการผลิตชิ้นงานอันทรงคุณค่าเหล่านี้ไปต่อยอดเป็นผลงานชิ้นงานใหม่ๆ ที่มีเอกลักษณ์จากภูมิปัญญาไทย โดย สศท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานอัตลักษณ์แห่งสยามครั้งนี้ จะเป็นอีกงานที่ทำให้ทั่วโลกได้เห็น ว่างานหัตถศิลป์ฝีมือของคนไทยมีมูลค่าและคุณค่าทางความคิด”นางพรรณวิลาส กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับการจัดงานอัตลักษณ์แห่งสยามในปีนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการตอบรับที่ดีจากพี่น้องประชาชนชาวไทย รวมทั้งชาวต่างประเทศ ที่พากันเข้าไปเยี่ยมชมงาน และร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดเอาไว้ภายในงานอย่างคับคั่ง และยังได้จับจ่ายสินค้าติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยความประทับใจในศิลปะ วัฒนธรรมที่งดงามและทรงคุณค่าของประเทศไทย
งานอัตลักษณ์แห่งสยาม ได้เปิดให้ผู้เข้าชมงาน ได้ร่วมสัมผัสเสน่ห์ และสนับสนุนงานศิลปหัตถกรรมไทยให้ยังคงอยู่ รวมถึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกำลังใจให้กับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ได้สร้างสรรค์งานหัตถกรรมอันทรงคุณค่าให้ยังคงอยู่คู่ประเทศชาติต่อไป นับว่าเป็นงานที่รวบรวมมรดกของชาติที่หาชมได้ยากไว้ในที่เดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี