สกสว.พร้อมรับเป็นข้อต่อเชื่อมโยงการจัดการน้ำเพื่อตอบโจทย์ประเทศและหน่วยปฏิบัติการทั้งระดับลุ่มน้ำและระดับพื้นที่ ขณะที่ทีมวิจัยการบริหารจัดการน้ำชี้น้ำท่วมยังครอบคลุม 8 จังหวัด คาดการณ์แนวโน้มปริมาณน้ำท่าสูงขึ้นใน 10 วัน ตั้งแต่พื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและพระนครศรีอยุธยา ขณะที่ปริมาณน้ำฝนยังสูงในภาคกลางและภาคอีสาน ชี้น้ำท่วมปีนี้กระทบประชาชนกว่า 2.55 ล้านคน เกินครึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางทั้งเด็กและผู้สูงอายุ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดการประชุมหน่วยบูรณาการประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ด้านการบูรณาการบริหารงานวิจัย ด้านบริหารทรัพยากรน้ำ โดยมี รศ.ดร.ปัทมาวดีโพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. เป็นประธาน ณ ห้องประชุม สกสว. เพื่อให้คณะทำงานร่วมกันสนับสนุนข้อมูลแก่ สกสว. ในการหนุนเสริมวิชาการแก่หน่วยบริหารและจัดการทุน และหน่วยงานปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ รวมถึงประสานเครือข่ายทุกภาคส่วนในการจัดทำข้อมูลและกรอบการทำงานการบริหารงานวิจัยด้านทรัพยากรน้ำ และนำผลงานวิจัยด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำไปใช้ประโยชน์
สำหรับประเด็นการหารือในครั้งแรก ประกอบด้วย 1.แนวทางการบูรณาการงานวิจัยด้านทรัพยากรน้ำ แนวทางการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ และแนวทางการกำหนดโจทย์วิจัยด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2570 2.แนวทางการดำเนินงานประเด็นมุ่งเป้าตามยุทธศาสตร์ ววน. (ระดับลุ่มน้ำ หรือ ระดับจังหวัด) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 3.โครงการการสังเคราะห์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ผลกระทบทางเศรษฐกิจ-สังคม-สิ่งแวดล้อม และการปรับตัว เพื่อเป็นข้อมูลแก่ธนาคารโลกและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 4. แนวทางการดำเนินงานของคณะทำงาน
“สกสว. และกองทุน ววน.จะสนับสนุนโจทย์ของประเทศ และบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ให้มีความเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการระดับลุ่มน้ำ มีกลไกมิติการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มผู้ใช้น้ำที่อยู่ตอนบน ตอนกลางและตอนล่างของลุ่มน้ำ ตลอดจนกลไกมิติการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มผู้ใช้น้ำข้ามลุ่มน้ำ ซึ่งจะต้องมีข้อต่อสำคัญในการทำให้ข้อมูล ชุดความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปสนับสนุนการปฏิบัติการทั้งในระดับพื้นที่ ระดับลุ่มน้ำ อีกทั้งเป็นหลักในการทำงานเป็นกลุ่มก้อนและเชื่อมโยงกับทุกหน่วยงานในระบบการบริหารจัดการน้ำโดย ววน. ยินดีสนับสนุนให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้า และสร้างพื้นที่การเรียนรู้กับพื้นที่และต่างประเทศ”ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ รศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ประธานแผนงานวิจัยแผนงานการขับเคลื่อนแนวทางการใช้ประโยชน์ด้านการบริหารจัดการน้ำ ระยะที่ 1 ซึ่งได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยถึงผลการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) โดยทีมวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 พบว่าพื้นที่ที่ยังน้ำท่วมครอบคลุม 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก และสุโขทัย ส่วนสถานการณ์น้ำของเขื่อนหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำฝนยังมีสูงในบริเวณแนวภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนเหนือและตอนใต้โดยมีปริมาณน้ำเก็บกักในเขื่อนภูมิพล 52% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 6,527 ล้าน ลบ.ม.) เขื่อนสิริกิติ์ 84% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 1,568 ล้าน ลบ.ม.) เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 50% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 473 ล้าน ลบ.ม.) และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 37% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 41 ล้าน ลบ.ม.)
สรุปปริมาณน้ำคาดการณ์ระหว่างวันที่ 15-29 กันยายน 2567 ปริมาณน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่จังหวัดเชียงรายปริมาณน้ำท่ามีแนวโน้มลดลง โดยแนวโน้มปริมาณน้ำท่าสูงสุดใน 10 วันข้างหน้า ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชรเพิ่มจาก 120 ลบ.ม./วินาที เป็น 245 ลบ.ม./วินาที จังหวัดพิษณุโลกเพิ่มจาก 282 ลบ.ม./วินาที เป็น 412ลบ.ม./วินาที จังหวัดอุทัยธานีเพิ่มจาก 40 ลบ.ม./วินาที เป็น 67ลบ.ม./วินาที จังหวัดนครสวรรค์เพิ่มจาก 1,246 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,336 ลบ.ม./วินาที จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพิ่มจาก 1,196 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,457 ลบ.ม./วินาที
“การประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากภาวะน้ำท่วม ระดับตำบล ปี 2567 (ข้อมูลพื้นที่น้ำท่วม ความเสียหาย และประชาชนที่ประสบภัย) โดยการวิเคราะห์จากภาพถ่ายดาวเทียม ณ วันที่ 14 กันยายน2567 พบว่าประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมรวมทั้งสิ้น 896,280 ไร่ ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวได้รับผลกระทบรวม 275,535 ไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,244 ล้านบาท โดยภาคเหนือเสียหายมากสุด 705 ล้านบาท ส่วนผลกระทบทางสังคมต่อประชาชนกว่า 2.55 ล้านคน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเปราะบางไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้เกินครึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีมากกว่า 5.12 แสนคน และเป็นเด็กอายุระหว่างแรกเกิดถึง 18 ปี กว่า 4.67 แสนคน ขณะที่ในระดับภูมิภาคพบว่าภาคเหนือประสบปัญหาน้ำท่วมหนักสุดโดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่มีพื้นที่น้ำท่วมสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ เสียหาย 153,056 ไร่ รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะจังหวัดนครพนมและหนองคาย ส่วนพื้นที่ภาคกลางเริ่มประสบปัญหาน้ำท่วมในบางพื้นที่” รศ.ดร.สุจริตกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี