สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต (Future Wellness University) พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมแอปพลิเคชั่น TU Great-Future Wellness App ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินสุขภาวะของนักศึกษาและบุคลากร ช่วยให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพที่ตรงตามความต้องการเฉพาะบุคคล ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา
นายพงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวว่า จากผลสำรวจสุขภาพของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศในปี 2566 พบว่า 40% ของนักศึกษามีความเครียดสูงเป็นประจำ และ 30% มีอาการเศร้าซึมบ่อยครั้ง โดย 4.3%ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์นอกจากนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปี 2567 ยังชี้ให้เห็นว่า 72% ของนักศึกษาและบุคลากรขาดความรู้ในการจัดการความเครียด ขณะที่ 56% เผชิญภาวะหมดไฟในการเรียนและการทำงาน
ทั้งนี้ สสส. ยังได้ร่วมขับเคลื่อนแนวทางมหาวิทยาลัยสุขภาพดีภายใต้เครือข่าย ASEAN University Network-Health Promotion Network (AUN-HPN) โดยใช้กรอบแนวคิดมหาวิทยาลัยสุขภาพตามกรอบ Healthy University Framework ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในภูมิภาคอาเซียน เพื่อส่งเสริมสุขภาวะในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืนโดย สสส. ได้นำแนวทางนี้มาใช้เป็นกรอบในการออกแบบโครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต
ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างมหาวิทยาลัยที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านกาย จิตใจ ปัญญาและสังคม และมุ่งเป้าขยายผลให้ครบ 4 ศูนย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายในปี 2568 ครอบคลุมบุคลากร นักศึกษา 51,300 คนและหวังให้เป็นต้นแบบแก่มหาวิทยาลัยในไทยและภูมิภาคอาเซียนด้านการสร้างพื้นที่สุขภาวะที่ดีต่อไป
ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีบุคลากรทั้งสิ้นกว่า 9,300 คน ที่ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจในการทำงานเพื่อพัฒนามหาวิทยาลัย ในแต่ละปีธรรมศาสตร์ดูแลนักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก กว่า 42,000 คน และหลายคนในจำนวนนี้อาศัยอยู่ในแคมปัส 24 ชั่วโมง จึงเป็นที่มาว่าทำไมจึงเห็นความจำเป็นที่ต้องทำให้มหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างเสริม และสนับสนุนสุขภาวะของผู้คนที่อยู่ร่วมกันให้เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง
โดยสุขภาวะที่ดีไม่ได้หมายรวมถึงสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพใจของสมาชิกในสังคมเป็นกุญแจสำคัญอีกอย่างของการพัฒนาสังคมไปสู่ความยั่งยืน ดังนั้นมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต จึงเป็นวาระสำคัญที่ต้องการผลักดันให้มหาวิทยาลัยสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสุขภาวะของเยาวชนและประชากรวัยทำงานของประเทศ โดยเรามุ่งหวังทั้งในเชิงการป้องกัน การคัดกรอง และการส่งต่อเข้าสู่ระบบการรักษา ไม่เพียงเพื่อตอบโจทย์การดูแลนักศึกษาและบุคลากรของเราเท่านั้นแต่หวังว่า Future Wellness University จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยเพิ่มพลังบวกให้แก่ระบบสุขภาพของประเทศโดยรวมได้
รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์สุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า โครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต มีพันธกิจสำคัญในการมุ่งวางรากฐานนโยบายด้านการส่งเสริมสุขภาวะที่ชัดเจน มุ่งแก้ไขปัญหาด้านสุขภาวะทางใจ โดยมุ่งเน้น 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1) Future Wellness Policy and Data มุ่งขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาวะของมหาวิทยาลัย 2) Future Wellness Workplace ยกระดับการให้บริการทางด้านสุขภาวะด้วยการใช้นวัตกรรม 3) Future Wellness Hub
ผสานความเป็นเลิศกับหน่วยงานสุขภาพภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ 4) Future Wellness Flagship ผลักดันการมีส่วนร่วมของสังคมในการแก้ปัญหาสุขภาวะ ก้าวสู่การเป็นต้นแบบมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคตในระดับสากลซึ่งขณะนี้โครงการอยู่ในระยะที่ 2 ของการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นการยกระดับการให้บริการทางด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยด้วยนวัตกรรม
คือ Application TU Greats Future Wellness และ TU Staff Future Wellness ซึ่งเป็นช่องทางในการคัดกรองและประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาวะที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ด้วยเทคโนโลยี AI จาก D-mind และเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญจาก“หมออาสา” ศูนย์ Viva City และแพทย์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้นักศึกษาและบุคลากรธรรมศาสตร์มีสุขภาพที่ดีทั้งทางกายและใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี