30 กันยายน 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 77 บ้านหนองแคน หมู่ 4 ต.เหล่า อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม หลังทราบข่าวมี ด.ช.อายุ 13 ปี ถูกงูเห่ากัดในห้องนอน โดยญาติได้นำตัวส่งที่โรงพยาบาลโกสุมพิสัย ก่อนถูกส่งตัวต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาสารคาม เพื่อดูอาการที่ห้องไอซียู
นางมยุรา จันตะคุณ อายุ 44 ปี เป็นน้าของเด็กที่ถูกงูกัด เล่าว่า เด็กชายที่ถูกงูกัดชื่อ น้องแทน อายุ 13 ปี ช่วงเวลาเกิดเหตุ ตนอยู่ที่บ้านของตนซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร ยายของน้องแทนที่อายุ 90 ปี เดินไปเรียกให้ตนมาดูหลาน บอกว่าหลานถูกงูกัด ตนจึงได้วิ่งมาดู ก็พบว่าที่เท้าซ้ายของหลานช่วงใกล้ๆ นิ้วโป้ง มีรอยเขี้ยว หลานก็ร้องไห้บอกว่าปวดมาก ส่วนงูที่กัดไม่รู้ว่าเป็นงูอะไร น้องแทนได้ปิดประตู ขังงูไว้ในห้อง
จากนั้นก็รีบให้สามีพาน้องแทนส่งโรงพยาบาล และโทรเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัย ให้ช่วยออกมาจับงู เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบว่างู เข้าไปซ่อนตัวอยู่บนที่นอนใต้เต้นท์ พอเขี่ยออกมาก็พบว่าเป็นงูเห่า ขนาดใหญ่ ตัวยาวประมาณ 1 เมตร ก็ตกใจ ไม่คิดว่างูจะเลื้อยเข้าไปถึงในห้องนอนของหลานได้
ส่วนคลิปที่ทางสมาคมกู้ภัยกตัญญูมหาสารคาม ถ่ายเอาไว้ เป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่เอาไม้เขี่ยยกเต้นท์ขึ้น และงูก็เลื้อยออกมา ทุกคนก็ตกใจว่าเป็นงูเห่าขนาดใหญ่ โดยงูเห่าได้ชูคอแผ่แม่เบี้ย พร้อมที่จะฉกตลอดเวลา บางช่วงงูเห็นเงาตัวเองบนกระเบื้อง ก็ฉกลงไปที่กระเบื้อง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่นานก็สามารถจับงูออกมาได้
นายทยากร ศรีนูเดช รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขื่อน และเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมกู้ภัยกตัญญูมหาสารคาม กล่าวว่า ได้รับแจ้งเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 28 กันยายน ชาวบ้านโทรศัพท์มาบอกว่า ขอให้ไปจับงูให้หน่อย เมื่อไปถึงก็พบว่า ประตูห้องที่งูอยู่ถูกปิดไว้ และทราบว่างูกัดเด็กแล้ว ทางญาติได้นำส่งโรงพยาบาลไปแล้ว เมื่อเข้าไปในห้อง จะมีฝูกที่นอน ผ้าห่ม และเต้นท์พับ งูได้ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม พอเปิดที่นอนออกดู ก็พบว่าเป็นงูเห่า ขนาดค่อนข้างใหญ่ ยาวประมาณ 1 เมตร เป็นงูที่โตเต็มที่ ชูคอแผ่แม่เบี้ยเตรียมฉก
เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวัง โดยใช้เวลาไม่นานก็สามารถจับงูได้ ก็อยากฝากเตือนว่าช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนที่ฝนตกชุก งูหรือสัตว์มีพิษอื่น ๆ อาจจะหนีน้ำมาหาที่อยู่อาศัย ยิ่งเป็นบ้านชั้นเดียว ต้องระวังให้ดีๆ หากพบสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์มีพิษ หากไม่ชำนาญ ก็อยากให้เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัย หรือเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์มาจับให้จะปลอดภัยกว่า
ด้านนางกรกฏ เถื่อนมูลละ อายุ 46 ปี แม่ของน้องแทน กล่าวว่า ตอนที่เกิดเหตุตนเองไปเลี้ยงวัวอยู่ที่ทุ่งนา ญาติโทรมาบอกว่าลูกถูกงูกัดก็ตกใจ รีบกลับมา โดยลูกชายถูกส่งตัวต่อมารักษาที่โรงพยาบาลมหาสารคาม ขณะนี้อยู่ห้องไอซียู ทางแพทย์ให้สังเกตอาการ 48 ชั่วโมง โดยน้องแทนถูกงูกัดที่บริเวณเท้าข้างซ้ายใกล้นิ้วโป้งเป็นรอยเขี้ยว ตอนนี้แผลบวมแดง แต่ไม่ดำ มีไข้ต่ำๆ ยังสามารถพูดคคุยได้ หมอให้ยาฆ่าเชื้อและน้ำเกลือ แต่ยังไม่ได้ให้เซรุ่มเพราะว่าจะมีผลข้างเคียง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าลูกชายได้รับพิษไปมากน้อยแค่ไหน
โดยปกติแล้ว ช่วงเวลา 7 โมงเช้า แม่จะปิดแอร์และเปิดประตูห้องไว้ ซึ่งวันนั้นเป็นวันหยุด น้องแทนก็จะนอนต่อ แม่ก็ไปเปิดประตูหลังบ้าน คาดว่างูจะเลื้อยเข้ามาจากหลังบ้าน และเลื้อยเข้าไปในห้องนอน ซึ่งช่วงนั้นน้องแทนน่าจะขยับตัว ไปโดนตัวงู งูก็เลยฉก ลูกชายก็ตกใจวิ่งร้องไห้ออกมาจากห้อง ปิดประตูขังงูไว้ ก็เรียกกู้ภัยมาจับงู ให้น้าพาส่งโรงพยาบาล
โดยน้องบอกว่าลักษณะงูเป็นสีเหลืองตัวยาว แต่ไม่รู้ว่าเป็นงูเห่า ไม่คิดว่างูเห่าจะเข้าบ้าน เพราะบ้านที่อยู่ก็เป็นบ้านโล่งๆ ตัวบ้านก็ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน เทพื้นบ้านเกือบทั้งหมด ป่าก็ไม่มี ไม่รู้ว่างูจะเข้ามาได้ยังไง ตัวงูขนาดประมาณ 3 นิ้ว ถือว่าใหญ่มาก โดยรวมอาการลูกชายก็ดีขึ้นตามลำดับ หมอให้ยาฆ่าเชื้อกับน้ำเกลือ รออยู่อาการ 48 ชั่วโมง
ส่วนตัวตามความเชื่อรู้สึกว่า เหมือนเป็นงูเจ้าที่เจ้าทาง มาเตือนบางสิ่งบางอย่าง เพราะจากสภาพแวดล้อมของบ้านก็ไม่ได้รก บ้านเป็นบ้านโล่งๆ อีกทั้งตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ไม่น่าจะมีงูตัวใหญ่ขนาดนี้เข้ามา จากนี้หากลูกชายออกจากโรงพยาบาลก็จะพาไปทำบุญ
ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ก็อยากให้ระวัง ปิดประตูให้ดี ป้องกันไม่ให้สัตว์มีพิษเข้ามาในบ้าน เกิดมาก็ไม่คิดว่างูเห่าจะเข้ามากัดลูกชายถึงในห้องนอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี