แผนงานท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) เข้าร่วมเสวนา TRIUP Talk ท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน มีความเข้าใจและมีความพร้อมในการปรับตัวนำเสนอการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันและอนาคต โดย ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยเตรียมออกกฎหมายคาร์บอนเครดิตภาคบังคับ ในขณะเดียวกันทางด้านยุโรปออกกฎหมายที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีข้อกำหนดสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหมดในสหภาพยุโรป จะต้องมีรายงาน ESG โดย EU Green Claim Directive อย่างสม่ำเสมอซึ่งเป็นการรายงานผลการทำงานร่วมกับซัพพลายเชน (Supply Chain) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้หรือไม่ และแผนการดำเนินงานในอนาคตจะนำธุรกิจไปสู่การจัดการห่วงโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain) ได้อย่างไร และในอีก 2 ปีข้างหน้าจะขยายข้อกำหนดให้ครอบคลุมธุรกิจทุกขนาด
ในด้านการตลาด หากประเทศไหนไม่ทำเรื่องการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต ตลาดยุโรป จะกังวลในการส่งนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศนั้นๆ ดังนั้น ทุกประเทศเริ่มเตรียมความพร้อมเข้าสู่การท่องเที่ยวแนวใหม่ แสดงให้เห็นความตั้งใจและมีแผนการดำเนินงานให้เห็นชัดเจน สอดคล้องกับกฎหมาย EU Green Claim Directive เพื่อดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งมีความต้องการด้านบริการสินค้าและมาตรฐานที่สูงขึ้น และต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ESG แสดงให้เห็นว่าตลาดโลกกำลังก้าวไปสู่คุณภาพที่เน้นความยั่งยืน ESG และการท่องเที่ยวไทยจะไม่ก้าวไปได้อย่างไร จึงอยากเสนอแนะองค์ประกอบการดำเนินการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้ประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคต ดังนี้ 1.ออกแบบวิธีการวัดและเครื่องมือชี้วัด 2.รัฐบาลต้องออกกฎระเบียบ 3.การทำการเงินสีเขียว (Green Finance) และ 4.การเชื่อมโยงขนส่งนักท่องเที่ยวทางรางและทางเรือ
ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานคณะอนุกรรมการแผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนองค์ความรู้ทางการวิจัย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ผ่านการบริหารจัดการของ ววน. เริ่มจากการพัฒนาเครื่องมือ PCR บริการท่องเที่ยวผ่านการกรอกข้อมูลบนโปรแกรม Excel ต่อมาได้พัฒนาเป็น Zero Carbon Application เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความสะดวกสบายต่อการใช้งาน สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 50,000 บาท ต่อ แพ็กเกจ/โปรแกรม/เส้นทางโดยมี สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) พัฒนา 183 แพ็กเกจ/โปรแกรม/เส้นทาง ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสามารถขายได้จริง ซึ่งทำงานร่วมกับเครือข่ายนักวิจัย 20 มหาวิทยาลัย นักวิจัยราว 200 ท่าน
ขณะนี้ แผนงานฯ ได้ขยับจากจุดเริ่มต้นการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ไปสู่ Net Zero Tourism ร่วมกับเครือข่ายตลอดห่วงโซ่อุปทานทางการท่องเที่ยว 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวง อว. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ในการเข้าสู่ Net Zero Tourism การดำเนินงานในปี 2567 จะต้องมีการทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในระดับองค์กรในภาคโรงแรมและธุรกิจขนาดเล็กประมาณ 10 ราย นอกจากนี้ยังได้จัดทำ Road Map แผนการดำเนินงานปี 2568 – 2570 เพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยว Net Zero โดยในปี 2568 จะเป็นการจัดทำ CFO แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถประกาศเจตนารมณ์ในการเป็น Net Zero Destination ถัดมาในปี 2569 จัดทำ Action Plan และกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สุดท้ายในปี 2570 จัดทำรายงานประจำปีเพื่อขอรับการรับรอง Net Zero Pathway จาก อบก. ทั้งนี้ในฐานะภาคการท่องเที่ยวและภาควิชาการ พยายามที่จะศึกษากระบวนการและระเบียบวิธีการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากป่าชายเลน ปะการัง และสาหร่าย ซึ่งทาง อบก. ได้ทำในภาคป่าไม้ หรือที่เรียกกันว่า T-VER แล้ว โดยทั้งหมดนี้จะเป็นเป้าสำคัญที่จะกำลังเดินหน้าต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้า ผ่านความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อให้ประเทศไทยและโลกของเราเกิดการบริหารจัดการที่สมดุล ให้การท่องเที่ยวสามารถสร้างคุณค่าและคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนต่อไป
ธเนศ วรศรัณย์ ประธานคณะกรรมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มีผู้ประกอบการประมาณ 150,000 ราย นำงานวิจัยแผนงานท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. ไปใช้ประโยชน์ และช่วยกันกระจายข่าว เพื่อขยายผลทั้งในด้านของการทำธุรกิจและการทำตลาด ซึ่งทางสภาหอการค้าฯได้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ผ่านแนวคิด “โมเดลอารมณ์ดี มีความสุข Happy Model” กินดี อยู่ดี ออกกำลังกายดี และแบ่งปันสิ่งดีๆ เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่ ยกระดับการท่องเที่ยวของไทยไปสู่การท่องเที่ยวคุณภาพสูง ปัจจุบันแนวคิดดังกล่าวได้ถูกปรับใช้ในหลายจังหวัด เช่น มหาสารคาม, ขอนแก่น, พะเยา, สงขลา, ฉะเชิงเทรา, ลำปาง, กาญจนบุรี, ชุมพร (ชวนเที่ยวบ้านฉัน) ร่วมกับ TAG Thai นอกจากนี้ยังมีการทำโครงการ Hug Earth มาตรฐานสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมที่มุ่งเน้นไปสู่การรักษ์โลก ในระยะที่ 1 มี โรงแรมที่ผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการ Hug Earth จำนวน 52 โรงแรม และปีนี้คาดว่าจะขยายผลจำนวน 500 โรงแรม แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการหลายรายมีความตระหนักถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ปาริชาต สุนทรรักษ์ อุปนายกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) เปิดเผยว่า ในช่วงแรกของการดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ เนื่องจากเข้าไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวให้มีความรักษ์โลกมากจนเกินไปทำให้การท่องเที่ยวนั้นไม่สนุก ดังนั้น TEATA จึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานในคอนเซ็ปต์ สนุกเต็มที่ดีต่อโลก หมายถึง การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ที่ยังสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวและคงความสนุกไว้เหมือนเดิม โดยเริ่มจากผู้ประกอบการต้องมีความรู้และความเข้าใจของการใช้เครื่องมือการวัด ลด และชดเชย จาก 4 แหล่งปล่อย (ที่พัก,การเดินทาง,อาหารและเครื่องดื่ม) โดย TEATA สามารถจัดโปรแกรมฝึกอบรม อีกทั้งยังได้วางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดร่วมกับองค์กรทุกภาคส่วน ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทั้งหน่วยงานในไทยและหน่วยงานระดับโลก เพื่อขยายผลการดำเนินงานและสื่อสารการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ไปตลาดนานาชาติ
“TEATA ยังต้องการขยายฐาน Green the Mass ผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ด้วยการสนับสนุนการพัฒนากิจกรรมและแพ็กเกจท่องเที่ยวลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวคุณภาพได้รับประสบการณ์อย่างแท้จริง”
การท่องเที่ยวแนวใหม่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์นั้นส่งผลกระทบต่อทุกคน ไม่ใช่แค่ในด้านเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม การท่องเที่ยวที่ไม่ยั่งยืนอาจทำลายทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เราหวงแหน การเข้าใจและสนับสนุนการท่องเที่ยวแนวใหม่จะช่วยให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาความสวยงามและคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น และความเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไว้เพื่ออนาคตให้คงอยู่ต่อไป พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยวและอยากมาเยือนซ้ำ
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี