ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงจาก “ปัจจัยเสี่ยง” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ยาเสพติด รวมไปถึงปัญหาการพนัน เหตุเพราะรัฐบาลเดินหน้าไม่มีถอยหลังในการพยายามจะเอาสินค้าเสี่ยงๆ เหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดินให้ได้ เพียงหวังเม็ดเงินที่จะได้จากธุรกิจเหล่านี้แล้วอ้างว่า “การอยู่บนดินจะทำให้สามารถควบคุมได้ง่าย”ซึ่งจะทำได้อย่างปากว่าหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ อย่างการนำร่องเปิดผับตี 4 วางกฎกติกาซะดิบดี ร้านต้องจัดรถรับ-ส่ง หรือเรียกรถรับคนเมา ต้องไม่ปล่อยคนเมาไปบนถนน
สุดท้าย ผู้ประกอบการก็ไม่ได้ทำตามกติกาที่วางไว้ และรัฐก็ไม่เห็นจะทำอะไรได้ มีเพียงตัวเลขเจ็บ ตาย ที่พุ่งสูงกว่าพื้นที่อื่นๆ เด่นเป็นอนุสรณ์ ขณะที่เศรษฐกิจไม่ได้ดีไปกว่าพื้นที่อื่น
เมื่อรัฐมุ่งไปทางนี้ ประชาชน และภาคประชาชน ยิ่งต้องเข้มแข็งในการทำหน้าที่ปกป้องกันเอง นำความรู้ประสบการณ์มาแบ่งปันร่วมกัน และส่งต่อคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ปฐมวัย ปลูกฝังเพื่อสร้างสังคมของเราเอง อย่างล่าสุด ทางประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา และเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบน ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเชิดชูเกียรติบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์และสถานศึกษาที่มีผลการดำเนินงานเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ลดปัจจัยเสี่ยงหลักจากเหล้า บุหรี่ ในโครงการปลูกพลังบวกสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันลดปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่) สำหรับเด็กปฐมวัยและโครงการลดปัจจัยเสี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบบูรณาการเมื่อเร็วๆ นี้ จึงเป็นที่น่าชื่นชม และนำมาเล่าต่อสู่กันฟัง
เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ประธานเครือข่ายงดเหล้า ระบุว่า เยาวชนกำลังถูกคุกคามจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆโดยเฉพาะเหล้าและบุหรี่ ตลอดจนบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งราคาถูกมาก และสามารถซื้อออนไลน์ได้ รวมถึงปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้าถึงเยาวชนที่อายุน้อยลง
มีข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าผู้หญิงเป็นนักดื่มหน้าใหม่มากกว่าผู้ชาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วง แอลกอฮอล์สร้างผลกระทบหลายด้าน ทั้งร่างกาย คือพบว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งเต้านม และระหว่างที่มีร่างกายดูดซึมแอลกอออล์นั้นผ่านกระแสเลือดก็จะไปทำลายทุกอวัยวะในร่างกาย สิ่งหนึ่งที่ต้องย้ำกันหลายๆ รอบคือ ข้อมูลการวิจัยที่มีคุณภาพ ระบุว่าไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ปลอดภัย และยังระบุด้วยว่า แอลกอฮอล์ อันตรายตั้งแต่หยดแรก เป็นสารก่อมะเร็ง กินมากหรือกินน้อยก็สามารถก่อมะเร็ง แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลา โดยทำลายระบบของอวัยวะตั้งแต่ปาก หลอดลม ลำไส้ ต่างๆ ไปถึงทวารหนัก อันนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก
ลออ มหาวรรณศรี ประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา ผู้รับผิดชอบโครงการลดปัจจัยเสี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบบูรณาการโดยกลไก พชอ.จังหวัดพะเยา บอกว่า สถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของจังหวัดพะเยา พบความชุกของการดื่มในประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป อยู่ที่ 40.7% สูงเป็นลำดับที่ 5 ของประเทศ (ข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา, 2565) และจากข้อมูลคัดกรองพฤติกรรมการดื่มนักดื่มหน้าใหม่ของเยาวชนอายุ 12-15 ปี พื้นที่อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พบอัตราความชุกของการดื่ม 53%
ดังนั้นการทำงานขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าในจังหวัดพะเยา ปีที่ผ่านมาจึงมุ่งเน้นที่การปลูกฝังจิตสำนึกตั้งแต่ต้นน้ำ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตั้งแต่เด็กปฐมวัยสอนให้เด็กมีทักษะชีวิต การคิด รู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงและสามารถแยกแยะ รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดี มีปัจจัยเสี่ยงเรื่อง สุรา และบุหรี่ เป็นการฝึกสติผ่านการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามช่วงวัย ช่วยปกป้องเด็กจากปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพได้อย่างรอบด้าน โดยการดำเนินงานร่วมกับโครงการปลูกพลังบวกสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันลดปัจจัยเสี่ยงจากเหล้า บุหรี่ ในกลุ่มโรงเรียนในเขต สพป.พะเยา เขต 1 ทั้ง 6 กลุ่ม กลุ่มละ 2 โรงเรียนรวม รวม 12 โรงเรียน มีผลการดำเนินงานเป็นแนวปฏิบัติที่ดี ซึ่งสามารถขยายเครือข่ายโรงเรียนปลูกพลังบวกฯลดปัจจัยเสี่ยงจากเหล้า บุหรี่ ในสังกัดสพป.พะเยา เขต 1 เพิ่มขึ้นรวมเป็นจำนวน 73 แห่งในปีนี้
ขณะที่ ยิ่งพร เจียตระกูล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่สุก อำเภอแม่ใจจังหวัดพะเยา ผู้ที่ได้รับโล่เชิดชูเกียรติ ในฐานะบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมงดเหล้า บุหรี่ ลดปัจจัยเสี่ยงในเด็กเยาวชน เปิดเผยว่า จากการสำรวจการดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ของผู้ปกครองในพื้นที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เราจึงกลับมาหาแนวทางในการขับเคลื่อนร่วมกับชุมชน โดยให้นักเรียนช่วยคิด ซึ่งคำตอบของเด็กๆ คือ พวกเขาต้องการให้พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเลิกเหล้า บุหรี่จากนั้นก็ช่วยกันคิดข้อความผลิตสื่อ เพื่อการสื่อสารกิจกรรมของชุมชน จัดห้องเรียนสีขาว ปลอดอบายมุขทุกประเภท มีการแต่งตั้งพี่ๆ เป็นกรรมการออกแบบกิจกรรม
ส่วนเด็กๆ ได้ทำการ์ดเล็กๆ เพื่อนำกลับไปสื่อสารกับผู้ปกครอง ลด ละ เลิกอบายมุขได้กี่วันในช่วงเข้าพรรษาแล้วนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ผลปรากฏว่า ช่วยลดพฤติกรรมการดื่ม-การสูบ ได้ประมาณ 40% จึงถือเป็นกิจกรรมที่น่าภูมิใจของโรงเรียนที่จะค่อยๆ ปลูกฝัง ให้เด็กๆ เป็นสื่อกลางในการรณรงค์
ด้าน สายฝน จตุพร ครูชำนาญการโรงเรียนบ้านจำปาหวาย อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา เล่าว่า หลังเข้าอบรมโครงการบวกพลังบวกฯ เราจะได้ชุดคู่มือกิจกรรมห่างไกลเหล้าและบุหรี่ กลับมาเพื่อปรับให้เข้ากับบริบทของโรงเรียนตัวเอง เช่น นำมาผลิตเป็นหนังสือนิทาน BIG BOOK เกี่ยวกับการรณรงค์ ลักษณะเป็นแผ่นแม่เหล็กสามมิติ เด็กๆ ก็สามารถเคลื่อนไหวตัวละครได้ในระหว่างการเล่าเรื่อง สามารถดึงดูดความสนใจของเด็กๆ อีกทั้งยังสามารถฝึกภาษาให้กับเด็กๆ ช่วยเสริมสร้างการฟัง การพูดเล่าเรื่องและการจดจำด้วย
“คุณครูจะให้เด็กทบทวน และสรุปกิจกรรมทุกครั้งเกี่ยวกับ โทษภัยและผลลัพธ์ของเหล้า-บุหรี่ เด็กทุกคนจะมีส่วนร่วม เมื่อออกมาเล่าเรื่อง ครูก็จะมีการเสริมทางบวกให้เด็กๆ เกิดความมั่นใจมากขึ้น ผลลัพธ์คือเด็กเห็นบุหรี่ของคุณพ่อ จะรีบนำไปทิ้ง ซึ่งผู้ปกครองก็ได้มาสะท้อนให้ครูได้รับทราบด้วย วันนี้ดีใจที่ได้รับคะแนนประเมิน Best Practice เป็นอันดับที่ 1 นำสู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบ”
อนึ่ง โรงเรียนที่ได้รับประกาศนียบัตร Best Practice เตรียมความพร้อมสู่ การเป็นต้นแบบ 12 แห่ง จากทั้งหมด 73 แห่ง ในจังหวัดพะเยา ได้แก่ 1.โรงเรียนบ้านต๋อม 2.โรงเรียนบ้านภูเงิน 3.โรงเรียนชุมชนบ้านป่าแฝกสามัคคี 4. โรงเรียนบ้านแม่สุก 5.โรงเรียนบ้านจำป่าหวาย 6.โรงเรียนอนุบาลพะเยาบ้านโทกหวาก 7.โรงเรียนอนุบาลภูกามยาว 8.โรงเรียนบ้านร่องปอ 9.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 46 ดอกคำใต้ 10.โรงเรียนบ้านค่า 11.โรงเรียนบ้านปิน และ 12.โรงเรียนบ้านปางงุ้น
หลังจากนี้โรงเรียนจะนำไปออกแบบกิจกรรมการทำงานร่วมกับชุมชนมากขึ้น เช่น กิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาต่างๆ และจะนำไปเผยแพร่สู่เพื่อนภาคีโรงเรียนในระดับจังหวัดและนำเสนอผลงานรูปแบบการวิจัยมาตีพิมพ์ เพื่อรณรงค์เผยแพร่ในวงกว้างต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี