ภาพประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระธุตังคเจดีย์ ณ วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2509
“พระธุตังคเจดีย์” นี้มีประวัติอันน่าอัศจรรย์ โดยเมื่อปี พ.ศ. 2482 ท่านพ่อลี ธมฺมธโร ได้ธุดงค์ไปยังประเทศอินเดีย โดยผ่านทางประเทศพม่า เมื่อถึงอินเดียได้เดินทางพิจารณาสังเวชนียสถานใน 4 ตำบล ท่านรู้สึกสลดใจยิ่งนักที่พระพุทธศาสนาได้เสื่อมสูญไปอย่างมาก ร่องรอยอารยธรรมอันประเสริฐ อันเป็นทิฏฐานุคติเหลืออยู่เพียงน้อยนิด พระสงฆ์ก็สุดที่จะย่อหย่อนในพระธรรมวินัย หลักฐานแห่งพระพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ เหลือเพียงศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช พอเป็นแนวทางให้ค้นคว้าและรำลึก
ในปี พ.ศ. 2493 ท่านพ่อลี ธมฺมธโร ได้จาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดาไปยังดินแดนพุทธภูมิ ประเทศอินเดีย เป็นครั้งที่ 2 ครั้งนี้องค์ท่านจำพรรษาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ตำบลสารนาถ เมืองพาราณสี
วันหนึ่งท่านพ่อลีบำเพ็ญเพียรในอิริยาบถ 4เข้าสมาธิเพ่งดูยอดพระเจดีย์เป็นเวลานาน ครั้งนั้นวาระจิตหวนรำลึกถึงพระคุณของพระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ซึ่งอุทิศชีวิตอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา ท่านเพ่งจิตอยู่นาน เกิดแสงสว่างจ้า วูบวาบ ส่องสว่าง อาบไปทั่วบริเวณ มองเห็นต้นไม้ใบหญ้า และ พระเจดีย์ ภาพนิมิตที่ปรากฏด้านหน้าท่านคือ “พระเจดีย์และพระสถูปที่พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสร้างไว้อย่างงดงาม อลังการยิ่งนัก แต่อีกไม่นาน พระเจดีย์นั้นก็พลันทรุดโทรม หักพังทลาย สูญสลาย แล้วคราทีนั้น ท่านก็พลันเห็นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เสด็จมาแสดงส่องแสงประกายปรากฏสีสันวรรณะต่างๆ เป็นที่น่าอัศจรรย์”
ท่านพ่อลีจึงคิดว่า เราจักต้องสร้างวัดอโศการาม และ พระเจดีย์สักแห่ง ในประเทศไทย เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน แก่พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้มีคุณูปการต่อพระบวรพุทธศาสนาอย่างหาที่สุดมิได้
ปัจจุบัน “วัดอโศการาม” เป็นพื้นที่แห่งทาน ศีล และ ภาวนา โดยในทุกเช้าของวันพระ จะมีศรัทธาญาติโยมมาใส่บาตร ถวายจังหันพระสงฆ์ ณ วัดอโศการาม แห่งนี้ ซึ่งเป็นภาพที่งดงาม หาชมได้ยากในข้อวัตรปฏิบัติที่พระสงฆ์กว่า 200 รูป ยังคงรักษาธรรมวินัยในการฉันในบาตร และ ตรงต่อเวลาในทุกเช้า ซึ่งประมาณ 7นาฬิกา 30 นาที พระสงฆ์จะมานั่งฉันอาหารอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยข้อวัตรการฉันอาหารนี้จะแล้วเสร็จในเวลาไม่เกิน 8 นาฬิกา 30 นาที
พระภาวนาวัชรสุทธาจารย์ หรือ หลวงพ่อสามเรือน ปุญฺเญสโก เจ้าอาวาส วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการได้เมตตาให้หลักธรรมเรื่องทานและอานิสงส์การทำทานไว้ดังนี้
“ทางวัดอโศการามมีสถานที่ไว้จัดให้สำหรับญาติโยมในแต่ละวัน สำหรับวันธรรมดามีญาติโยมมาทำบุญถวายทานประมาณ 30-40 คน ส่วนวันพระกับวันอาทิตย์ มีญาติโยมมาประมาณ 100 กว่าคน ซึ่งอานิสงส์ในการทำทาน ถ้าโยมไปเกิดเป็นมนุษย์จะมีสมบัติเยอะ คนมีสมบัติเพราะว่าเคยทำทานมาเยอะ ถ้าถวายทาน หรือ ทำทาน อย่างเช่นเรื่องที่ดิน มี 10 บาท ก็ทำได้ อานิสงส์ คือ ชาติหน้าเขาจะมีที่ดิน โยมเคยเห็นคนไม่มีที่ดินไหม นั่นล่ะ ชาติก่อนไม่เคยบริจาค ไม่เคยซื้อที่ดินไว้ มันลำบาก ที่ก็ไม่มีอยู่ จะต้องไปเช่าคอนโดอยู่ไปเรื่อยๆ เพราะตัวเองไม่เคยทำเลย และโยมเคยเห็นไหม ไม่มีกิน จะไปขอเขากิน ไม่มีเลย เพราะชาติก่อนไม่เคยทำทานไว้ ไปหาอาหารที่เป็นเดนยังหายาก เพราะอานิสงส์ของกรรมมันบันดาล” พระภาวนาวัชรสุทธาจารย์ได้ให้หลักธรรมการทำทานอย่างเห็นเป็นรูปธรรม
“วัดอโศการาม” จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งองค์ท่านพ่อลีได้เมตตาสร้างไว้ ยังความเป็นพื้นที่แห่งการสร้างบารมี ในข้อทาน ศีล และ ภาวนา อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ สุดแต่ว่าใครจะได้ใช้ประโยชน์ของพื้นที่วัดอโศการามในการสร้างบารมีให้กับตัวเอง เพื่อเดินหน้าสู่มรรคผลนิพพานได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ปรากฎอยู่ในพระไตรปิฏก ทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์
สำหรับผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญกฐินทานวัดอโศการาม เพื่อนำปัจจัยไปซื้อที่ดิน ได้ที่ “ธนาคารกสิกรไทย บัญชีเลขที่ 017-3-39513-2ชื่อบัญชี วัดอโศการาม” หรือ เดินทางไปร่วมงานได้ด้วยตนเอง ในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2567 เวลา 12.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี