"ไข่ผำ" ฉายากรีนคาเวียร์ พืชจิ๋วมหัศจรรย์ในสระกลางทุ่งนา มีคุณค่าทางการโภชนาการสูง เร่ขายตลาดนัดกิโลกรัม 20 บาท ต่างประเทศมีความต้องการบริโภคสูง
ไข่ผำเป็นพืชน้ำไม่มีราก อยู่ในตระกูลเดียวกับแหน กระจายคลุมเหนือผิวน้ำเป็นแพ มีขึ้นอยู่ตามแหล่งน้ำที่เป็นน้ำนิ่ง เช่น บึง และหนองน้ำธรรมชาติทั่วไป โดยปกติจะมีมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่มีน้ำไหลเวียน ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวขนาดเล็กคล้ายไข่ปลา คนภาคเหนือเรียกผำ ภาคกลางเรียกไข่น้ำ ส่วนคนอีสานเรียกไข่ผำ มีฉายาว่ากรีนคาเวียร์ และได้ชื่อเป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลก ขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ ถือเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้านโปรตีนสูง มีสารพฤษเคมี(Phytochemical) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีกรดอะมิโนจำเป็นที่พบในไข่ผำมากสุด 3 อันดับแรก คือ 1.ไลซีน 2.ฟีนิลอะลานีน.และ 3.ลิวซีน ทั้งหมดนี้ช่วยในเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท
นอกจากนี้ยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมกา 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง ไข่ผำจึงเป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำ มีโปรตีนสูง 20-40% มีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารที่มากมายเหล่านี้ ทำให้ไข่ผำที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นซุปเปอร์ฟู้ด (Super Food) ของอาหารแห่งอนาคต (Future Food) เป็นที่สนใจในหลายประเทศ และมีแนวโน้มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ
สำหรับพื้นที่ภาคอีสาน ต่างมีความคุ้นเคยกับไข่ผำมานานนับศตวรรษ นิยมนำมาปรุงเป็นเมนูที่หลากหลายมาก ทั้งอาหารคาวหวาน และเป็นตัวช่วยในการเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร เช่น แกงอ่อม แกงปลา แกงไก่ แกงเนื้อ หรือเป็นส่วนผสมของต้มยำ ปัจจุบันมีการนำไข่ผำมาเป็นส่วนผสมของเครื่องจิ้ม เช่น เครื่องจิ้มมันฝรั่งทอด หรือการนำมาเป็นส่วนประกอบของขนมอบบางชนิด เช่น มัลเฟิน ใช้ตกแต่งหน้าพายแอปเปิ้ล เป็นต้น
ล่าสุด นายคมสิน ศรีมานะศักดิ์ ประธานสภาวัฒนธรรม จ.นครพนม พร้อมด้วย นายสุรชัย อรรคนิตย์ หรือเฮียหน่อย คนไทยเชื้อสายจีน ที่มีธุรกิจอยู่เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ชักชวนผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหนองปลาดุก หมู่ 22 ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม หลังทราบว่ามีครอบครัวหนึ่ง นอกจากจะประกอบอาชีพทำนา ทำสวนยางพารา และเลี้ยงวัวแล้ว ในพื้นที่นามีสระน้ำที่มีไข่ผำขึ้นอยู่เต็ม สามารถนำมาสร้างรายได้ขายแก่ผู้บริโภคนานกว่า 3 ปี จึงติดต่อประสานไปยังนางเต็มศิริ เผ่าผม หรือป้าติ่ง อายุ 58 ปี เพื่อขอเข้าไปดูสระไข่ผำ ว่า มีความอุดมสมบูรณ์สมคำที่เล่าลือหรือไม่
เส้นทางไปสวนยางพาราของป้าติ่งเป็นลูกรัง ถือว่าแอดเวนเจอร์พอสมควร ป้าติ่งพร้อมด้วยสามีนายแพง เผ่าผม อายุ 62 ปี ขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างรออยู่ปากทาง ถนนทางหลวงชนบท สายบ้านหนองปลาดุก-บ้านนาโพธิ์ ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม โดยมีผืนนารวม 42 ไร่ แบ่งเป็นปลูกยางพารา 18 ไร่ ทำนา 15 ไร่ ที่เหลือเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ส่วนสระไข่ผำอยู่สุดที่ดินของตนเอง ซ่อนตัวท่ามกลางแมกไม้ล้อมรอบ มีแสงแดดส่องทะลุลงมาไม่มาก อากาศบริเวณนั้นจึงเย็นสบายตลอดเวลา พบสระน้ำที่มีไข่ผำสีเขียวลอยอยู่เต็มพื้นที่ ถ้าคนไม่รู้จักมาพบอาจจะคิดว่าสระแห่งนี้ เป็นน้ำเน่าเสีย ความจริงคือเป็นสระที่มีน้ำบริสุทธิ์จึงมีไข่ผำเกิดขึ้น และในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงจะหาสระน้ำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ป้าติ่งถือเป็นคนสู้ชีวิตได้เปิดเผยว่า ก่อนจะมาถึงจุดนี้ได้ เคยหอบครอบครัวไปทำงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ ทำอยู่หลายปีจนเกิดความเบื่อหน่าย จึงกลับมาอยู่บ้านเกิด นอกจากทำนาแล้วก็คิดหาอาชีพเสริม ตอนแรกรับจ้างเลี้ยงวัวไปพร้อมๆกับปลูกยางพารา ปัจจุบันกลายเป็นเจ้าของฟาร์มวัวเอง ระหว่างนั้นได้ขุดสระน้ำไว้ 3 ลูก เพื่อนำพันธุ์ปลามาปล่อยเลี้ยง ปรากฏว่าถูกมือดีย่องเข้ามาขโมยปลาไปจนหมดสระ ก็พยายามหาอาชีพเสริมใหม่ทดแทน จนได้เข้าไปดูการเพาะเลี้ยงไข่ผำในยูทูบ เกิดความสนใจจึงสั่งซื้อมา 1 กิโลกรัม ราคา 150 บาท นายแพงสามียังพูดแซวเลยว่ามันจะขึ้นเหรอ ตนก็เอาไปหว่านลงสระทั้ง 3 ลูก แล้วก็ไม่ได้เข้าไปดูแลปล่อยตามมีตามเกิด ปรากฏว่าสระน้ำ 2 ลูกไข่ผำตายเกลี้ยง ส่วนสระอีกลูกอยู่ไกลสุดที่ดินจึงไม่ได้เข้าไปดูว่าเป็นอย่างไร คิดว่าก็คงตายเหมือนสองลูกแรกนั่นแหละ
กระทั่งสามีทำเกษตรแล้วจะไปล้างมือที่สระ เห็นบนผิวน้ำมีแต่สีเขียวเต็มไปหมด จึงเดินมาถามตนว่าลองดูสิเป็นไข่ผำหรือเปล่า ตนเองก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่ก็ต้องปรึกษาผู้รู้ ทุกคนยืนยันว่าเป็นไข่ผำ จึงใช้ตะแกรงช้อนไข่ผำหวังนำมาขาย แต่ไข่ผำมีขนาดเล็กมากช้อนเท่าไหร่ก็ลอดตะแกรงหมด จึงคิดหาวิธีเอาไข่ผำขึ้นจากน้ำจนปวดหัว ใช้ระยะเวลาอยู่หลายวัน ก็คิดได้ว่าไข่ผำมันเล็กช้อนขึ้นมาก็ลอดลงที่เดิมหมด ต้องใช้วิธีให้มีตาข่ายที่มีรูขนาดเล็กกว่าไข่ผำมารองก้น เลยคว้าถุงกระโปรงที่ไม่ใช้แล้วมาเย็บติดกับตะแกรง มีปากตรงปลายถุง มัดไว้เพื่อแกะเทไข่ผำ ครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ เป็นอุปกรณ์ใช้ช้อนไข่ผำขึ้นมาขาย ในราคากิโลกรัมละ 100 บาท หอบไปขายตามตลาดนัด คนซื้อบอกว่าราคาแพงไป ส่วนมากซื้อกิโลกรัมละ 20 บาทเท่านั้น ตนก็เลยขายกิโลกรัมละ 20 บาทเรื่อยมาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 3 ปีแล้ว
ป้าติ่งเล่าต่อว่าไม่รู้จริงๆว่าไข่ผำมีคุณค่าทางการโภชนาการสูง แต่จะนำมาปรุงเป็นอาหารในครอบครัวประจำ โดยเฉพาะผสมไข่เจียว หรือแกงแบบลาวๆ รสชาติอร่อยดี มีลูกค้าโทรสั่งทุกวัน โดยใช้ไม้รวกตีบนไข่ผำกวาดมารวมไว้ริมสระ ใช้กระชอนซ้อนขึ้นมาเทใส่น้ำในถัง เพื่อทำความสะอาด บีบเค้นให้สะเด็ดน้ำ ก็ขึ้นตาชั่งถุงละ 1 กิโลกรัม แม้แต่ละเดือนมีรายได้จากตรงนี้ไม่มาก และเพิ่งรู้จากเฮียหน่อยว่าในเมืองหลวงเขาขายกิโลกรัมเป็นร้อย ยอมรับว่าแถบบ้านเรายังไม่มีการแพร่หลายเรื่องการบริโภคไข่ผำ หากมีการประชาสัมพันธ์ก็จะมีคนหันมาบริโภคไข่ผำมากขึ้น คุณค่าทางสารอาหารสูงแต่มีราคาต่ำ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
นายสุรชัย อรรคนิตย์ หรือเฮียหน่อย เปิดเผยว่าในต่างประเทศมีความต้องการไข่ผำมาก กลุ่มประเทศอียูก็นิยมบริโภค ถ้ามีการส่งเสริมก็จะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญตัวหนึ่ง เพราะการที่ไข่ผำจะขึ้นในสระน้ำได้นั้น น้ำในสระต้องมีความสะอาดบริสุทธิ์ อุณหภูมิประมาณ 20 องศาเชลเซียล ถือเป็นความโชคดีที่ป้าติ่งมีสระน้ำที่ไข่ผำอยู่ได้ ขณะนี้ทางประเทศอิสราเอลกำลังวิจัย เพื่อเตรียมเพาะเลี้ยงไข่ผำบนพื้นที่ทะเลทราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี