ข่าวไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีความสำคัญ คือประชาชนชาว กทม. มีความห่วงใยว่าเด็กไทยจะเสียโอกาส ในการมี ที่นั่งเข้าเรียนหนังสือในโรงเรียนของ กทม. เพราะโรงเรียนเหล่านี้ ไปรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย เข้าเรียนร่วมด้วยจำนวนมาก
เรื่องนี้ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ของผู้ว่าราชการกทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ไม่ต้องห่วงเพราะใน กทม. เด็กเหล่านี้มีเพียง 4.86 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น(ประมาณ 12,000 คน เฉพาะใน กทม.) และ กทม. ก็เตรียมที่ไว้ให้เด็กที่มีสัญชาติไทยไว้ให้อย่างเพียงพอ
เรื่องนี้นอกจากจะเป็นการดีในการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในการพัฒนาศักยภาพของเด็ก ได้อย่างเต็มที่แล้ว ยังจะเป็นโอกาสในการธำรงค์ชาติไทย และความเป็นไทยไว้ ให้คงอยู่เป็นประเทศไทยชั่วฟ้าดินสลาย
เพราะขณะนี้เรามีแรงงานต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยหลายล้านคน ทั้งที่มาทำนา ทำสวน ทำการประมง ทำงานก่อสร้าง ทำงานโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆและจำนวนมากก็มีครอบครัว มีภรรยาและเด็กมาด้วย ดังนั้น หาก อปท. ทุกหน่วยงาน ดำเนินการเช่นเดียวกับ กทม. ในการเปิดโอกาสให้เด็กที่ไม่มีสัญชาติและไม่มีหลักฐาน ทะเบียนราษฎรเหล่านี้ ได้มีโอกาสเข้าเรียนได้ด้วย ในโรงเรียนของเทศบาลทั่วประเทศ ประมาณ 2,500 แห่ง ในองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และส่วนตำบล (อบต.) อีกประมาณ 5,400 แห่งเด็กนับแสนคนเหล่านี้ ต่อไปก็จะได้เป็นคนไทยที่ดีมีความเป็นไทย และเป็นกำลังด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้ดีต่อไปในอนาคต เพราะในขณะที่ปัจจุบัน เรากำลังมีปัญหาที่ประชากรชาวไทยมีบุตรน้อยลง
พลเมืองลดลง
แต่ทั้งนี้ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ก็ควรจะต้องเข้ามากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด และมีแผนแม่บท ที่ อปท. ทั่วประเทศจะได้ดำเนินการแบบเดียวกัน โดยตลอด อาทิ
1.กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น ก็จะต้องปรับปรุงหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ความสำคัญของสถาบันต่างๆ ของชาติไทย ที่ใช้อยู่ในโรงเรียนสังกัด อปท.
2.กระทรวงศึกษาธิการ ก็น่าจะต้องมีส่วนร่วมด้วยในการช่วยกำหนดหลักสูตรเหล่านี้ ซึ่งเรียนได้ทั้งเด็กไทย และเด็กที่ไม่มีสัญชาติ รวมทั้ง กรมการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ก็น่าจะเปิดหลักสูตรอบรมแรงงานต่างด้าว ให้ศึกษาภาษาไทย วัฒนธรรมไทย ประวัติศาสตร์ไทย อาจจะเรียกว่าหลักสูตรความเป็นไทย ซึ่งควรจะเป็นเงื่อนไขสำคัญอันหนึ่งในการได้มาซึ่งสัญชาติไทยในอนาคต
3.กระทรวงแรงงาน แทนที่จะกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ ก็น่าจะต้องกำหนดคุณสมบัติขั้นต่ำของแรงงานต่างด้าว ว่าอย่างน้อยต้องจบ ป.4 หรือเทียบเท่า
เพื่อรู้ภาษาไทยและทำงานได้ผลเท่ากับแรงงานคนไทยในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
4.หน่วยงานที่เกี่ยวกับการให้สัญชาติ ก็น่าจะกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขในการได้มาซึ่งสัญชาติ ไว้อย่างรัดกุม อาทิ เคยทำงานในประเทศไทยมาไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี ได้รับประกาศนียบัตร ป.4 หรือประกาศนียบัตรความเป็นไทย จาก กศน. หรือโรงเรียนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี เป็นต้น
เพื่อให้เกิดการกลมกลืนกัน ระหว่างคนไทยในปัจจุบัน และคนต่างด้าวผู้ที่จะเป็นคนไทย และเป็นพลังให้แก่ประเทศไทยในอนาคต
มิใช่จะต้องไปวิ่งเต้นกับผู้ทรงอิทธิพล หรือต้องจ่ายเงินแบบที่จีนสีเทาทำอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและ อปท. มีโอกาสทำได้มาก ที่จะยากหน่อยก็น่าจะเป็นชาวจีน ที่กำลังอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอย่างมากมาย ซึ่งเป็นผู้เข้าเมืองที่มีการศึกษามาดีพอสมควร มีเงินทุนมามาก และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน มีความขยันหมั่นเพียร และความเฉลียวฉลาด
จึงเป็นปัญหาที่หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะ อปท. (เทศบาล อบจ. อบต. เมืองพิเศษ 2 แห่ง) จะต้องช่วยกันหาทางแก้ ในขณะที่รัฐบาลกลาง ซึ่งมาจากการเมือง มัววุ่นวายอยู่กับผลประโยชน์ของตน และของพรรค อยู่กับการรักษาอำนาจของตนไว้ให้นานที่สุด ซึ่งอาจจะสิ้นสุดลงได้ด้วยการที่ไทยสิ้นชาติ หรือถูกกลืนชาติไปเรียบร้อยแล้ว
ผู้นำจีนมีวาทะ ปลุกใจคนจีน โพ้นทะเล ไว้เป็นภาษาจีนว่า
วาทะของผู้นำ
- ไม่ว่าคุณจะเป็นคนจีน ที่มาจากมุมไหนของโลก
(ปุ๊ก ก๋วง ลื่อ สี่ ไหล่ จื่อ ซี่ไก่หนา เจกไก่ กั๊กเลาะ ตี หั่ว ยิ้ง)
- แต่คุณคือ ลูกหลานมังกรตลอด
(ลื่อเอี๋ยง* เอี้ยง* โตวสี่เล้งตีถ่วงยิ้ง)
- ถึงแม้ว่าคุณไม่ได้เกิดบนแผ่นดินจีน
(เจี๊ยกไส ลื่อ ปุ๊กสี่ แซ อี ต่อ ตง กก)
- แต่คุณอย่าลืมว่า บรรพบุรุษและรากเหง้าคุณอยู่ที่ประเทศจีน
(ตั่งสี่ เฉีย ลื่อ ปุ๊กเอี้ยว บ่วงกี่ ลื่อโจ๋วไซ* ตีกึง เขงเตี่ย สี่ต่อตงกก)
- นี่คือความจริง ที่คุณมิอาจปฏิเสธได้
(เเจ้ สี่ บ่อ ขอโหว หยิ่ง ตี สื่อซิก)
- คนจีนย่อมไม่รบกับคนจีนด้วยกันเอง
(ตงก๊กนั้ง ปุ๊ก พะ ตงก๊กนั้ง)
เราในฐานะคนไทย ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในยุคพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ได้ทำให้คนต่างด้าวทั้งหลาย (รวมทั้งผู้อพยพและแรงงานชาวจีน) กลายเป็นคนไทยที่ดี มีความรักประเทศ ช่วยพัฒนาประเทศจนอยู่เป็นสุขสบายมาจนทุกวันนี้
ชาวต่างด้าวที่ได้สัญชาติไทย จึงต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า
ดินแดนแห่งนี้ เป็นบ้านเกิด เมืองนอน และเรือนตาย ของเรา
ความจริงที่พึงรำลึก
เราทุกคนเป็นคนไทย
เรามาจากภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เรามาจากบรรพบุรุษต่างๆ กัน
เราสามารถนับถือศาสนาได้ต่างๆ กัน
จนเดี๋ยวนี้เรามีวัฒนธรรมของเราเอง วัฒนธรรมไทย
เรามีสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของเราเอง
เรามีความเชื่อในเมตตาธรรมและการให้ (บริจาค)
เรามีความเชื่อมั่นในการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
เราเป็นราชอาณาจักรมานับพันปี
เราอยู่ภายใต้ราชวงศ์จักรีเดียวกัน
เรารักเมืองไทย
ในขณะที่เราพึ่งอะไรจากรัฐบาลไม่ได้ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น, ข้าราชการของกระทรวง ทบวงกรม, พนักงานของรัฐ ซึ่งอยู่ในเสถียรภาพ (Stability) ที่ดีมากกว่าฝ่ายการเมือง ก็ควรจะดูประเทศต่างๆ ในยุโรป (อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน ฯลฯ) ที่กำลังมีปัญหาจากผู้อพยพเข้าเมือง จนมีเรื่องการปะทะ จนเกือบจะกลายเป็นการก่อการร้ายบ่อยๆ เพราะผู้อพยพเหล่านี้ ยังรักษาประเพณี วัฒนธรรม ภาษา และศาสนา ของตนอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมกลมกลืนกับคนเจ้าของถิ่น ซึ่งรัฐบาลของเจ้าของถิ่นเดิมก็ไม่มีนโยบายระยะยาว ที่จะให้มีความกลมกลืนระหว่างคนท้องถิ่นเดิม และผู้ที่อพยพมาใหม่ เช่นเมื่ออพยพมาอยู่ฝรั่งเศส เยอรมนี ก็ควรต้องพูด อ่าน เขียน ภาษาฝรั่งเศส เยอรมนี ให้ได้ เพื่อเป็นประชากรที่ดีของฝรั่งเศส เยอรมนี ต่อไปในอนาคต
ส่วนข่าวล่าสุดที่ว่า ครม. มีมติอนุมัติ ตามข้อเสนอของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่จะให้สัญชาติไทยแก่กลุ่มผู้อพยพและบุตรที่เกิดในไทย 483,000 คน นั้น หาก สมช. ได้มีมาตรการ และการวางคุณสมบัติ และเงื่อนไข ไว้ดีพอ ก็น่าจะเป็นของดี มิใช่ไปเอาผู้อพยพที่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ควบคุมกันเอง พูดภาษาเดียวกัน ภาษาไทยพูดไม่ได้ ประวัติศาสตร์ไทยก็ไม่รู้จัก ไม่มีความเป็นไทยอยู่ในตนหรือครอบครัวเลย ก็จะเป็นอันตราย และเป็นปัญหาเช่นที่เกิดขึ้นในยุโรปขณะนี้
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี