สองแคว เมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำน่านกับแม่น้ำแควน้อย
มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงสร้างเมืองใหม่ขนานนามว่าเมืองพิษณุโลก ทรงหมายมั่นปั้นมือให้เป็นราชธานีฝ่ายเหนือคู่กับพระนครศรีอยุธยา
ล่วงมาถึงยุคปัจจุบัน เมืองพิษณุโลกก็ยังคงมีบทบาทสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง ศาสนา เป็นที่ตั้งของกองทัพภาคที่ 3 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เป็นเมืองการศึกษา
แต่ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ก็ล้วนเจอปัญหาทางสังคมที่เกิดจากแอลกอฮอล์ บุหรี่สิ่งเสพติด การพนันและพนันออนไลน์ทำให้เด็กเยาวชนและผู้ใหญ่ต้องเผชิญความเสี่ยงกันทั้งนั้น
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมามูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสมาคมสื่อมวลชนพิษณุโลก จัดประชุมโฟกัส กรุ๊ป เรื่อง “ปัญหา เหล้า-บุหรี่เมืองสองแคว...แก้อย่างไรให้ตรงจุด” ที่โรงแรมท็อปแลนด์ จ.พิษณุโลก
บรรยากาศวันนั้นเต็มไปด้วยความคึกคัก เริ่มเกริ่นนำโดย วิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโสในฐานะบอร์ดกองทุนสสส.ที่ตอกย้ำบทบาทสสส.ในการ
สานและเสริมพลังทุกภาคส่วนเพื่อสังคมสุขภาวะที่ดีแก้ปัญหาทั้งบุหรี่ แอลกอฮอล์โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่สังคมรู้แล้วว่าเป็นปัญหาระดับชาติ สสส.จึงต้องออกแรงร่วมกับภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคมเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนและกลุ่มเสี่ยงต่างๆ
จากนั้นท่าน รองผู้ว่าฯพิษณุโลก ทรงพลวิชัยขัทคะ กล่าวเปิดการประชุมว่าชอบหัวข้อที่ตั้งประเด็นว่าแก้อย่างไรให้ตรงจุดพร้อมเล่าให้ฟังว่า ในอดีตตัวเองก็เคยลองปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้มาแล้วแต่เราก็หยุดเพราะรู้ว่ามันไม่ดี อยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเวลาคิดจะแก้ปัญหาให้คิดใหญ่ แต่เวลาลงมือทำ ให้ทำให้ตรงจุดมุ่งไปที่เด็กและเยาวชนเพื่อป้องกันนักสูบนักดื่มหน้าใหม่แล้วแบ่งหน้าที่ไปเลยว่าจะทำอะไร
“ผมลงพื้นที่ยังพบว่า ร้านค้าในชุมชนหมู่บ้านศีล 5 และหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงยังขายเหล้าขายบุหรี่กันอยู่เลย ทั้งๆ ที่ควรจะต้องปลอดเรื่องนี้ จึงอยากจะฝากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยกันทำเรื่องนี้ด้วย” รักษาราชการผู้ว่าเมืองสองแควฝากการบ้านเอาไว้
ส่วนนักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 ดร.ไพรัตน์อ้นอินทร์ ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า คนเมืองสองแควอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มเหล้ากันร้อยละ 30.70 ติดอันดับ 29 ของประเทศ แถมเป็นนักดื่มประจำร้อยละ 52.90 ดื่มหนักร้อยละ 40.60 และดื่มแล้วขับร้อยละ 43.30 สำหรับส่วนกลุ่มเยาวชน อายุ 15-19 ปีดื่มสุราร้อยละ 13.60 อยู่อันดับที่ 16 ของประเทศเป็นอัตราที่สูงกว่าระดับประเทศ น่าเป็นห่วงคือพิษณุโลกเป็นจังหวัดที่มีร้านขายเหล้ารอบมหาวิทยาลัยมากที่สุดในประเทศ แถมมีสถานบันเทิงร้านเหล้าในเขตในเขตเมืองจำนวนมาก ทำให้กลุ่มนักศึกษาเข้าถึงได้ง่าย
ด้านตำรวจผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก กล่าวว่านโยบายของผู้บังคับบัญชาเรื่องแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ามีทั้งการทำให้โรงเรียนและสถานศึกษาปลอดบุหรี่ไฟ ทุกหน่วยต้องมีผลการจับกุมที่เป็นรูปธรรม การตัดวงจรรายใหญ่ที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ระดับประเทศและการประชาสัมพันธ์เชิงรุกโดยตำรวจชุมชนสัมพันธ์ ส่วนผลการจับกุมผู้จำหน่ายและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าเมืองพิษณุโลกตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ถึงปัจจุบันจับกุมได้ 44 ราย เป็นผู้ครอบครองไว้สูบ 42 ราย เป็นผู้ครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย 2 ราย
จากนั้น จึงเปิดเวทีให้สื่อมวลชนได้แสดงความคิดเห็น เริ่มจาก ประดับ สุริยะ กรรมการฝ่ายวิชาการ สมาคมสื่อสารมวลชนพิษณุโลก ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการแอลกอฮอล์และบุหรี่ระดับจังหวัดบอกว่าต้องบูรณาการการทำงานทั้ง 2 ประเด็นอย่างใกล้ชิด ส่วน มังกร จีนด้วง นายกสมาคมสื่อสารมวลชน ได้ฝากผู้กำกับเมืองพิษณุโลกไปช่วยกวาดบ้านเพราะมีข่าวว่านายตำรวจไปยุ่งเกี่ยวกับคนขายบุหรี่ไฟฟ้าให้นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ซึ่งผู้กำกับสภ.เมืองพิษณุโลกรับที่จะไปดูแลเรื่องนี้ ในขณะที่สื่อมวลชนหลายสำนักเสนอว่านอกจากการสร้างภูมิคุ้มกันแก่เด็กและเยาวชนแล้วตำรวจและฝ่ายปกครองควรบังคับใช้กฎหมายจริงจัง ส่วนศักดาแซ่เอียว ประธาน เครือข่ายสื่อมวลชนขับเคลื่อนสุขภาวะเพื่อสังคมไทยยั่งยืน(สสสย.) ย้ำว่าเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันให้สังคมตระหนักรู้ ถึงพิษภัยเหล่านี้ โดยใช้เครื่องมือและสื่อสมัยใหม่เพื่อให้เข้าถึงเด็กรุ่นใหม่
ปิดท้ายประชุมวันนั้น อภิวัชร์ เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ย้ำถึงการทำงานร่วมกับสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกันและการรู้เท่าทันพิษภัยเหล้า บุหรี่ สิ่งเสพติดและการพนัน
ฉะนั้น..เมืองพระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร จะมายอมแพ้ศึกน้ำเมาและบุหรี่ไฟฟ้าแบบง่ายๆ คงจะไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี