10 พฤศจิกายน 2567 วัดป่ามงคลสวนแก้วนิมิตดี ตั้งอยู่บ้านคำสร้างบ่อ ตำบลน้ำปลีก อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ มีเจ้าอาวาสวัด 1 รูป ปกครองพระสงฆ์ 2 รูป เป็นพระสงฆ์สายวัดป่า ธรรมยุตินิกาย ถือว่า เป็นวัดขนาดเล็ก มีญาติโยม พุทธศาสนิกชน เข้ามาทำบุญไม่มาก
การมาวัดแห่งนี้ หลายคน ต้องการเข้ามาฟังพระธรรมเทศนาจากเจ้าอาวาสวัดป่ามงคลสวนแก้วนิมิดี เพื่อนำไปปฏิบัติในการดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นขวัญกำลังใจ ปลอดภัยกับอันตราย และอยู่อย่างมีความสุขอีกด้วย
เจ้าอาวาสวัดป่ามงคลสวนแก้วนิมิตดี เทศนาตอนว่า ใน โอกาสนี้ พวกเราจะได้รับฟังพระธรรมเทศนา จงพากัน สงบ กาย วาจาใจ ฟังด้วยความเคารพจึงจะเป็นบุญ เป็นกุศล เกิดความรู้ ความฉลาด นำไปประพฤติ ปฏิบัติ จะไม่เสียประโยชน์ที่พวกเราทั้งหลาย รักษาศีล ฟังธรรม พวกเราทำอะไรหวังผลทั้งนั้น จะทำนา ทำไร่ ทำสวน หวังผลคือกำไร พวกเราเสียสละเวลาจากบ้านเรือนเข้ามารักษาศีล ฟังธรรม อยู่ที่วัด หวังผล คือ ได้บุญ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ใน บุญกิริยาวัตถุ 1 คือ ท่านมัย ศีลมัย ภาวนามัย ทั้ง 3 นี้ คือ สิ่งที่เป็นที่ตั้ง แห่งการบำเพ็ญบุญ บุญเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ และเกิดความสุข บุญย่อมเกิดขึ้นจากการกระทำหรือถ้อยคำที่พูดหรือที่คิดเป็นสุจริตนั้นๆ
1.ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการทาน ประเภททานมี 2 อย่าง คือ อามิสทานและธรรมทาน แต่เมื่อกล่าวโดยอาการ มี 3 อย่าง คือ ให้เพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์บุคคลทุพพลภาพ คนยากจน และบริจาคเพื่อสร้างสถาน มีโรงพยาบาล โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิ ที่พักสงฆ์ ศาลาพักร้อน ให้เพื่อบูชาคุณบุคคลผู้ทรงธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งกันและกัน อันเป็นการเฉลี่ยสุขให้กับบุคคลอื่น ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของหมู่คณะ อีกอย่างการทานในบุญกิริยาวัตถุ 10 หมายเอาทานเป็นวัตถุ สิ่งของเท่านั้น เช่น การให้ข้าว 1 น้ำ 1 ผ้านุ่งห่ม 1 ยานพาหนะ 1 ดอกไม้ 1 ของหอม 1 เครื่องลูบไล้ 1 ที่อยู่อาศัย 1 ประทีป 1 โคมไฟ 1 ทั้ง 10 อย่าง เป็นอามิสทานที่มาในพระสูตร ส่วนทานที่มีในพระวินัย มี 4 อย่าง คือ ให้จีวร 1 ให้บิณฑบาต 1 ให้เสนาเสาสนะ 1 ให้คิลานเภสัช 1 ให้เป็นทาน 1 ให้เสียงเป็นทาน 1 ให้กิ่นเป็นทาน 1 ให้รสเป็นทาน 1 ให้โผฏฐัพพะ เป็นทาน 1 ให้ธรรมารมย์ 1 รวมเป็น 6 อย่าง คือ ทานในปรมัตถ์ ผู้บริจาคจะได้ผลมาก จะต้องอาศัยเจตนา 3 คือ ปุพพเจตนา คือ มีจิตเลื่อมใสก่อนทีจะให้ มุญจนเจตนา เลื่อมใสในขณะให้ทาน อปราปรเจตนา มีความเลื่อมใสเมื่อให้ทานแล้ว ทั้ง 3 อย่างนี้ เรียกว่า เจตนาสัมปทา วัตถุสัมปทา ได้แก่ วัตถุข้าวของที่ได้มาโดยชอบ คือไม่ฆ่าสัตว์มาทำบุญ 1 ไท้ฉ้อฉลหลอกลวงมาทำบุญ 1 ผู้ให้ทานมีององค์ 2 คือ เจตนาสัมปทา 1 วัตถุสัมปทา 1 ปฏิคาหก คือ ผู้รับทาน มี 2 องค์คือ ผลสัมปทานเป็นพระอรหันต์ 1 คุณาติเรกสัมปทา ออกจากสมาบัติ 1 ทานพ้อมไปด้วยองค์ 4 คือ ผู้ให้ 2 ผู้รับ 2 ย่อมมีผลในชาตินี้ ถ้าไม่พร้อมในองค์ 4 มีผลในชาติหน้า
คือทุกวันนี้ เด็กและเยาวชน ไม่ชอบเข้าวัด ห่างวัด ทำให้ไม่มีศีลธรรม ในเมื่อคนไม่มีศีลธรรม จิตใจเหมือนสัตว์เดรัจฉาน จะทำอะไรจะคิดอะไร มีแต่ความรุนแรง อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง เช่น วัยรุ่นขับรถไล่ฆ่ากัน ผู้ชายฆ่าผู้หญิง ลูกฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ตัวเอง เป็นต้น ซึ่งแต่ละเรื่อง ใจคอมันโหดร้ายเหลือเกิน ใจโหดผิดมนุษย์ ซึ่งคนดีๆเขาจะไม่กล้าทำ เป็นเพราะเราขาดศีลธรรมประจำใจ ทำให้คนขาดสติ ความยั้งคิด เลยทำตามอารมณ์ความรู้สึก เกิดเหตุน่าเศร้าสลดใจ ได้ยิน ได้เห็นจนชาชิน ทั้งที่บ้านเรา เป็นสังคมชาวพุทธ มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม มีความอ่อนน้อม ถ่อมตน ไปก็ลา มาก็ไหว้ จิตใจดีงาม แจ่มใส จนชาวต่างชาติยกย่องว่า “ สยามเมืองยิ้ม” โด่งดังทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์ รอยยิ้ม ที่มีแต่ความจริงใจ สร้างความประทับใจแก่ชาวต่างชาติมานาน ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเป็นจำนวนมาก
แต่ว่า ปัจจุบันนี้ หาเป็นเช่นนั้นไม่ โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ หรือ เมืองหลวง ผู้คนไม่ค่อยรู้จักกัน เดินสวนกันยังไม่ทักกันเลย หน้าบึ้งตึง ไร้รอยยิ้มให้เห็น เพราะต่างดิ้นรนทำมาหากิน หาเงินเป็นหลัก ตรงกันข้าม ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยว กลับเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของนาม ยิ้มสยาม กลับหน้าบูด ใบหน้าเป็นทุกข์แทบจะทุกคน ซึ่งต่างกันกับสังคมหมู่บ้านห่างไกลในชนบท ความเอื้ออาทร ความรัก ความสามัคคียังมีต่อกันอยู่ ยังมีการแบ่งปันข้าวปลาอาหารให้แก่กัน เช่น ครอบครัวนี้ทำลาบ ทำต้ม จะตักใส่ชามไปให้บ้านใกล้เรือนเคียง หากมีการทำขนม จะแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน เป็นต้น ส่งผลให้สังคมชนบทเป็นสังคมน่าอยู่และมีความสุขมาก...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี