จากการเปิดเผยสถิติความรุนแรงนับเฉพาะที่มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ในปี 2566 ที่มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล รวบรวมไว้และมาเปิดเผยในเวที “รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ประจำปี 2567” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ บริษัท บีบีดีโอกรุงเทพ จำกัด (BBDO Bangkok) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ในวันนั้นว่ากันว่า พบมากกว่า 1 พันเรื่อง ซึ่งอย่าคิดว่า แค่นี้เอง เพราะนี่เฉพาะที่มองเห็นผ่านสื่อเท่านั้น เพราะเชื่อว่ายังมีอีกหลายเท่าตัวที่ซุกอยู่ในมุมมืดของสังคม
ทั้งนี้ นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ชำแหละข้อมูลให้เห็นกันชัดๆ คือ ปี 2566 มีข่าวความรุนแรงในครอบครัวที่เสนอผ่านสื่อ 1,086 ข่าว มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้น 316 ข่าว คิดเป็น 29.1% ยาเสพติด 283 ข่าว คิดเป็น 26.1%
โดยแบ่งเป็น 5 ประเภทข่าว ได้แก่ 1.ทำร้ายกัน 433 ข่าว คิดเป็น 39.9% เป็นเรื่องระหว่างสามี-ภรรยามากที่สุด 152 ข่าว คิดเป็น 35.1% พ่อ-แม่-ลูก 108 ข่าว คิดเป็น 24.9% คู่รักแบบแฟน 102 ข่าว คิดเป็น 23.6% เครือญาติ 71 ข่าว คิดเป็น 16.4% สาเหตุเพราะหึงหวง ง้อขอคืนดีไม่ได้ โมโห บันดาลโทสะ
2.ฆ่ากัน 388 ข่าว คิดเป็น 35.7% เกิดขึ้นในคู่สามี-ภรรยา 168 ข่าว คิดเป็น 43.3% เครือญาติ 94 ข่าว คิดเป็น 24.2% คู่รักแบบแฟน 64 ข่าว คิดเป็น 16.5% พ่อ แม่ ลูก 59 ข่าว คิดเป็น 15.2% และฆ่ายกครัว 3 ข่าว คิดเป็น 0.8% สาเหตุเพราะหึงหวง ตามง้อไม่สำเร็จ บันดาลโทสะ โมโหที่ถูกบอกเลิก ขัดแย้งเรื่องการเงิน
3.ฆ่าตัวตาย 213 ข่าว คิดเป็น 19.6% โดยผู้ชายเป็นฝ่ายฆ่าตัวตาย 140 ข่าว คิดเป็น 65.7%ผู้หญิงเป็นฝ่ายฆ่าตัวตาย 68 ข่าว คิดเป็น 31.9% และ LGBTQ+ ฆ่าตัวตาย 5 ข่าว คิดเป็น 2.4% สาเหตุเพราะน้อยใจคนรัก เครียดปัญหาหนี้สิน ตกงาน ป่วยจากโรคซึมเศร้า
4.ความรุนแรงทางเพศของคนในครอบครัว46 ข่าว คิดเป็น 4.2% โดยเกิดระหว่างเครือญาติพ่อเลี้ยงทำกับลูกเลี้ยง ที่น่าตกใจคือพ่อทำกับลูกแท้ๆถึง 11 ข่าว คิดเป็น 23.9%
5.ความรุนแรงในครอบครัวอื่นๆ จำนวน 6 ข่าว คิดเป็น 0.6%
ข้อเสนอในการแก้ปัญหา คือ 1.สมาชิกในครอบครัวสังเกตพฤติกรรมความรุนแรงคนในครอบครัว สื่อสาร แก้ปัญหาร่วมกัน 2.ผู้ถูกกระทำความรุนแรงควรสื่อสารปัญหาให้คนที่ไว้วางใจฟัง หรือปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มองเป็นเรื่องปกติ
3.ชุมชนเป็นฐานในการลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว บูรณาการงานร่วมกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัว กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ศูนย์ยุติธรรมชุมชน กระทรวงยุติธรรม พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องนี้
4.มีมาตรการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหรือปัจจัยกระตุ้น ทั้งอาวุธปืน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาเสพติดโดยเฉพาะอาวุธปืนที่ต้องมีการขึ้นทะเบียน ต้องควบคุมและปราบปรามอาวุธเถื่อนอย่างจริงจัง บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส.ย้ำว่า ความรุนแรงในครอบครัว มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติด เป็นตัวกระตุ้นสำคัญ เสี่ยงต่อการมีสุขภาวะ 1.ด้านสุขภาพ เช่น โรคตับ โรคหัวใจขาดเลือด ภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษเฉียบพลัน 2.ด้านสังคมและวัฒนธรรม เกิดความรุนแรงในครอบครัว ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุทางถนน 3.ด้านเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศ สูญเสียค่ารักษาทางการแพทย์มหาศาล หน้าที่การงานมีปัญหา ทรัพย์สินเสียหายจากอุบัติเหตุ ประเทศขาดโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจ 4.ความรุนแรงในครอบครัว ทั้งต่อเด็กและผู้หญิง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ(SAB) มีการศึกษาในคนอายุ 20 ปีขึ้นไป ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล 1,692 คน ระหว่างวันที่ 17-23 ตุลาคม 2564 พบว่า 80% ได้รับผลกระทบจากคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ เช่นก่อความรำคาญ ทะเลาะ
“สสส. เห็นความสำคัญของการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดปัญหา จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำงานเชิงรุก ขับเคลื่อนประเด็น สะท้อนปัญหา และถอดบทเรียนไปสู่การหาแนวทางแก้ไขมาตลอด เพราะความรุนแรงในครอบครัว เสี่ยงต่อการมีสุขภาวะทั้ง กาย จิต ปัญญา และสังคมที่ไม่ดี หากไม่ได้รับการป้องกันตั้งแต่ต้นทาง การรณรงค์ในปีนี้มาพร้อมกับแนวคิด Bring Back 2nd Chance of Life คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่ 2 กับความรุนแรง นำประสบการณ์ไปสู่การขับเคลื่อนสังคม พิจารณามาตรการทางนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยุติปัญหาความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
ด้าน นายทสร บุณยเนตร หัวหน้าครีเอทีฟ บริษัท บีบีดีโอ กรุงเทพ จำกัด เล่าว่า กิจกรรมรณรงค์ปีนี้มีแนวคิด ว่า “อย่าให้โอกาสความรุนแรง ครั้งที่ 2” โดยยกกรณี น้องจีจี้ -นางสาวสุพิชชา ปรีดาเจริญ เนตไอดอลชื่อดัง ซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำความรุนแรงมากกว่า 1 ครั้ง มีการยื่นโอกาสให้กับคนรัก สุดท้ายเสียชีวิตทั้งคู่ ซึ่งได้ปรึกษาครอบครัวน้องจีจี้เพื่อนำเรื่องราวมาถ่ายทอดให้กับสังคมได้รับทราบในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณา อย่าให้โอกาสความรุนแรงกับคนอื่น แล้วเก็บโอกาสนั้นให้กับตัวเอง เพราะที่จริงแล้วน้องจีจี้ยังมีโอกาสในชีวิตอีกเยอะ ซึ่งน้องจีจี้กำลังจะเป็นนักร้อง ได้เล่นภาพยนตร์เรื่องแรกไปแล้ว แต่การให้โอกาสนี้กับความรุนแรง จึงทำให้ไม่มีโอกาสให้กับตัวเอง นอกจากนี้ยังนำเสนอช่องทางการช่วยเหลือผู้ถูกกระทำความรุนแรงทั้งด้านกฎหมาย ที่พักชั่วคราว และแหล่งงาน
“ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลมา 10 ปี มีแต่คำว่านับถือ เพราะคนที่ทำงานด้านนี้ไม่ได้มาทำงานเพราะเงินแต่มาเพราะใจ และได้ สสส. เข้ามาช่วยขับเคลื่อน ผมจึงตั้งใจมากเพราะได้นำความรู้ความสามารถจากวิชาชีพโฆษณา ทำแคมเปญนี้ทำให้สังคมเกิดการรับรู้ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็เป็นคำแนะนำเบื้องต้นให้คนที่เผชิญปัญหาอยู่ เพราะวันนี้ประเทศไทยมีผู้ถูกกระทำความรุนแรงอันดับสูงเป็นที่ 2 ของโลกผมอยากแก้ปัญหาให้ไทยติดอันดับด้านดีๆ มากกว่า”นายทสร กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี