24 พฤศจิกายน 2567 ย้อนเวลาไปฟังพระธรรมเทศนา หลวงปู่แสง ญาณวโร เมื่อครั้งยังไม่ละสังขาร แม้จะละสังขารไปแล้วหลายปี ทว่า คำสอนของท่านยังคงจดจำในใจของบรรดาพุทธศาสนิกชน ญาติโยมให้ระลึกถึงเสมอ ซึ่งเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าอรัญญาวิเวกอยู่หลายปี ญาติโยม ได้นำพระธรรมเทศของหลวงปู่แสง มาปฏิบัติ ให้อยู่เย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรือง ดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข
ซึ่งวัดแห่งนี้ ตั้งอยู่เขตเทศบาลตำบลไก่คำ ต.ไก่คำ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากตัวเมืองอำนาจเจริญ ระยะทาง 5 กิโลเมตร ตามถนนชยางกรู (อำนาจเจริญ –อุบลราชธานี) เป็นวัดป่า มีแมกไม้นานาพันธุ์ปกคลุมไร้แสงแดด บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่น มีกระแสลมพัดกระทบกายตลอดเวลา เหมาะสำหรับไปนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม ภายในเนื้อที่ร่วม 100 ไร่ ล้อมรอบด้วยลวดหนามอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกัน การตัดไม้ทำลายป่า จนชาวบ้านเรียกว่า “วัดพิทักษ์ป่า”
ปัจจุบัน วัดป่าอรัญญาวิเวก มีเจ้าเจ้าอาวาส 1 รูป ปกครองพระสงฆ์ สามเณร สังกัด ธรรมยุติ และแม่ชี มรรคนายก จำนวนหนึ่ง
ก่อนนั้นหลวงปู่แสง ญาณวโร อดีตเจ้าอาวาส ได้ทำการบุกเบิก พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง สร้างแรงศรัทธาแก่ชาวบ้าน มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ที่ผ่านมา ลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชน เดินทางเข้าไปกราบไหว้ ขอพรจากหลวงปู่แสงจนแน่นวัดทุกวัน เพราะต่างก็ทราบดี ถึงวัตรปฏิบัติอันดีงามของหลวงปู่แสงและถือว่า เป็นพระสายวัดป่า ชอบเดินธุดงค์ โปรดสัตว์ไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน อายุ 98 จริงๆแล้วหลวงปู่มีอายุ 105 ปี(ก่อนละสังขาร) ก่อนที่จะย้ายไปจำพรรษาในวันแห่งหนึ่งเขตพื้นที่ จ.ยโสธร เมื่อครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญาวิเวก ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่คำดี ปภาโส จ.เลย
มีเรื่อเล่าว่า ก่อนที่จะมีการตั้งวัดป่าอรัญญาวิเวก หลวงปู่แสงเดินธุดงค์มาถึงป่าใกล้บ้านไก่คำ ปัจจุบัน คือ วัดป่าอรัญญาวิเวก เป็นเวลาพลบค่ำ ก็เลยปักกรดพักค้างแรมที่นี่ ระหว่างที่นั่งสมาธิอยู่ในกลด พบลูกแก้ว เป่งประกายแสงสีเขียว ขนาดเท่าผลส้ม ลอยมาจากต้นไม้ใหญ่ ห่างท่านประมาณ 20 เมตร แล้วลอยวนเวียนรอบกลด 3 รอบ จากนั้น ก็ลอยกลับต้นไม้ใหญ่แล้วหายไป
รุ่งเช้า ชาวบ้านญาติโยม พุทธศานิกชนบ้านไก่คำ นำอาหาร คาว หวานมาถวาย พร้อมนิมนต์ท่านอยู่ที่นี่ โดยให้เหตุผลว่า อยากให้ป่าเหลืออยู่ เพราะมีชาวบ้านบางคนเข้ามาตัดไม้บ้างแล้ว หลวงปู่แสงตอบตกลง รวมเวลากว่า 30 ปี ที่ได้ดูแลรักษาป่าให้มีสภาพเดิมทุกอย่าง ว่ากันว่า หากใครเข้าไปลักลอบตัดไม้ในเขตวัด ภายใน 3 วัน จะเจ็บป่วย บางคนถึงกับเสียชีวิต จนชาวบ้านขยาด ไม่กล้าเข้าไปตัดไม้ และเชื่อว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตคุ้มครองอยู่
และเมื่อปี 2550 หลวงปู่แสง ญาณวโร บอกกับลูกศิษย์ ว่า จะไปปกป้องรักษาป่าข่า ที่บ้านฆ้อง ต.หนองข่า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ซึ่งป่าไม้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว โดยใช้เวลา 5 ปี ที่หลวงปู่แสงเข้าไปพัฒนามีความเจริญมาก โดยเรียกชื่อว่า วัดป่าอิสิปตนมาฤคทายวัน ซึ่งหลวงปู่แสง จำพรรษา อยู่ 5 พรรษา จากนั้นย้ายไปพัฒนาวัดป่าติ้ว อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร กระทั่ง ล่าสุด หลวงปู่แสง ญาณวโร มีมารมารบกวน เกิดเรื่องราวใหญ่โต ศิษยานุศิษย์ ได้นิมนต์หลวงปู่แสง ญาณวโร กลับ วัดป่าอรัญญาวิเวก บ้านไก่คำ ต.ไก่คำ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ท่ามกลางการต้อนรับที่ดีจากชาวบ้านไก่คำ และชาวจังหวัดอำนาจเจริญ หลายคนดีใจจนนอนไม่หลับ พร้อมจะปกป้องพระอริยสงฆ์ที่เคารพศรัทธา ให้ปลอดภัยจากมารทั้งปวง และกำหนดกฎระเบียบการเข้ากราบนมัสการหลวงปู่แสง ญาณวโร อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีซ้ำซ้อนอีก และเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลวงปู่ อภัยให้ทุกคน พร้อมกับ ญาติโยม ศิษยานุศิษย์ ต่างให้อภัยเช่นกัน ตามความประสงค์ของหลวงปู่แสง ญาณวโร เพราะท่านมีเมตตาธรรม และว่ากันว่า หลวงปู่ผจญกรรมครั้งสุดท้าย ก่อนหลวงปู่แสง ละสังขาร ไม่มีวันกลับ
สำหรับ ประวัติหลวงปู่แสง ญาณวโร โดยสังเขป เดิมชื่อนายแสง ดีหอม เกิดวันอังคาร เดือน 9 ปี ขาล พ.ศ.2463 อายุ 95 ปี ที่ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด อุปสมบทเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2490 ณ.วัดศรีจันทร์ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น บวช ได้จำพรรษาวิเวกธุดงค์ทั้งประเทศไทย ลาว และพม่า รวม 68 พรรษา
ประวัติการจำพรรษา – วิเวกธุดงค์และไปมาหาสู่กันกับพระรูปต่างๆ ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่หนองผือนาใน จ.สกลนคร, ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย (2491 -2496) ,ศึกษาธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนาคร,และได้ร่วมสร้างวัดถ้ำขาม(2497),ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่เทศก์ เทสรังสี วัดหินหมากแป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย 1 พรรษา ,ศึกษาธรรมกับหลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดราษฎร์สงเคราะห์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี( 20 พรรษา) ,ศึกษาธรรมวินัยกับหลวงปู่แบน ธนากโร ได้ร่วมสร้างกุฏิศาลา ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร,ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่ดุล อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์,ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำ
และได้ร่วมธุดงค์ที่ภูวัวกับหลวงปู่แหวน สุจิณโน วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ –หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย –หลวงปู่ศรี มหาวิโร ได้วิเวกธุดงค์ที่ภูกล้า – ภูเวียง จ.ขอนแก่น –หลวงปู่เหรียญ วรลาโก วัดอรัญพรรพต อ.ศรีเมืองใหม่ จ.หนองคาย –ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่วัดหินหมากแป้ง –หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร วัดป่านาสีดา จ.อุดรธานี ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่ อ.ผือ สามพานและน้ำโสม – หลวงปู่จวน กุลเชฎโร,หลวงปู่วัน อุตตโม,หลวงปู่หล้า เขมปัตโต และหลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่วัดถ้ำสาลิกา ภูสิงห์ ภูทอง ภูพานคำและภูทอกและหลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง จ.มหาสารคาม ได้จำพรรษาด้วยกัน
สำหรับพระธรรมเทศนา ของ หลวงปู่แสง จันดะโชโต(หลวงปู่แสง ญาณวโร) อบรมฆราวาส เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2540 จากหนังสือ แสงธรรมส่องใจ เทศนาตอนหนึ่งว่า พระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า ปฏิบัติธรรมรอดล้มรอดตายมา จึงได้มาสอนโลก ครูบาอาจารย์ทุกองค์ ทุกท่านก็จะตะเกียกตะกายล้มลุกคลุกคลาน มามากแล้ว จึงได้ธรรมมาสอนโลก สอนสงสาร สอนคนอื่นให้ปฏิบัติตาม ปุพเพ จ กตปุญญตา ของเก่ามีอยู่แล้ว ทำถูกทางก็ไปได้ ถ้าปุพเพ จ กตปุญญตา ไม่มี แต่มาทำใหม่ก็ยากหน่อย เหมือนทำนานี่แหละ ตรงที่เราจะทำเป็นป่ารก เรากะว่าจะทำไร่ทำนาตรงนี้ ต้องมาตัดต้นไม้ออก เอาตอไม้ออก ทำเป็นคันนา กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ยากใช่ไหม หรือว่าจะไถเลย ทั้งที่ป่ารกแบบนั้นไถก็พังละสิ กว่าจะหว่านกล้า ปักดำ เก็บเกี่ยว มากินมาทาน มาซื้อมาขาย ไม่ใช่ของง่ายน่ะ ขอให้พากันทำเอา บอกทางให้ได้เฉยๆ ทำก็ตนเอง ไม่ทำก็ตนเอง ถึงก็ตัวเอง ไม่ถึงก็ตัวเอง อัตตาหิอัตตโนนาโถ ตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตน หวังพึ่งคนอื่นไม่ได้หรอก
พระพุทธเจ้าสอนให้พึ่งตนเอง พุธโธ อยู่ในหัวใจของตนเอง ผู้รู้ผู้หลงก็อยู่ในหัวใจตนเอง ก็ต้องตนเองที่จะทำตนเอง ให้ตนเองบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถ้าไม่ทำเองใครจะทำให้ จะให้ลูกหลานทำให้นะเหรอ เออ พ่อแม่แก่แล้วนะไปต้องทำหรอก เดี๋ยวลูกหลานจะเลี้ยงดู ปูเสื่อเอง แทนกันได้อยู่ภายนอก แต่เรื่องในใจนี่แทนกันไม่ได้ ต้องชำระ ของใครของมัน ใครขยัน ใครเป็นคนจริง ต้องเจอของจริงแน่นอน ใครเกียจคร้านก็ต้องดูฟ้า เออ วันนี้เมฆเยอะนะ วันนี้ฟ้าใสนะ มันก็เห็นแค่นั้นแหละ มันไม่ก้าวหน้า มันถอยหลังเหรอ เป็นอะไร จี้ลงไปตรงจิตตรงใจสิ มันติดอะไร มันขัดข้องอะไร มลทินอะไร อวิชชาอะไร ที่ทำให้มันติด ต้องจี้ลงไปตรงนั้น เจาะลงตรงนั้น ถ้าไฟอ่อนเผาใหม่ พอเหล็กแดงดีแล้ว เอาไปเจาะใหม่ เจาะไปเจาะมาจะทะลุเองนั่นแหละน่า วิริเยน ทุกขมะ เจติ คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสว่า คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเกียจคร้าน ไม่มีความขยันในทางที่ถูกที่ควร จะไปได้ไม่ช้าก็เร็ว ต้องวันใดวันหนึ่งจนได้ วันไหน ช่างมัน ขอให้เรามีความเพียร เจาะเข้าแทงเข้าไป ทำให้มันกระจัดกระจาย ตีกิเลสให้มันแตก แม่ทัพธรรมก็เข้าประจำที่ มันก็หมดปัญหาสิ้นข้อสงสัย ตัดกังขา กรณวิสุทธิ ขาดออกจากจิตจากใจ ไม่มีความลังเลสงสัยในจิตใจอีกต่อไป..
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี