พาดวงใจไปพักผ่อน.. ฤดูหนาวฉ่ำๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น สวรรค์ของคนรักความเย็นสบาย หิมะโปรยปราย บนเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) เหนือสุดของญี่ปุ่น สถานที่ยอดนิยม ในช่วงฤดูหนาว ฟินสุดๆ หนาวแบบตัดขา ยังไม่รู้สึก !! ฟินสุดขีดกับหิมะที่โปรยปรายตลอดทั้งทริป 6 วัน 4 คืน จัดว่าเด็ด เบ็ดเสร็จทุกไฮไลท์ตลอดการเดินทาง
ถ้าจะไปช่วงหนาวเย็นยะเยือก ให้ไปช่วงราวต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -4 องศาเซลเซียส และจองตั๋วเที่ยวบินไฟล์ดึกที่สุด ไปเลย เช้าจะถึงที่หมาย สนามบิน นานาชาตินิวซิโตเสะ เมือง ซิโตเสะ พอดี พร้อมลุยเที่ยวเช้าของวันนั้นเลยจ้า
เริ่มจากสนามบินมุ่งหน้าสู่ “โนโบริเบ็ทสึ” (Noboribetsu) เมืองน้ำแร่ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอกไกโด และน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้นก็ถูกจัดว่าดีที่สุดในญี่ปุ่น
เช็คอิน ที่แรก หมู่บ้านดาเตะ จิไดมะรุ (Noboribetsu Date Jidaimura) เป็นหมู่บ้านที่จำลองวิถีชีวิตของชาวเอโดะในสมัยโบราณ เหมือนย้อนเวลากลับไปประมาณ 400 ปี ก่อน เปิดฉากยุคเอโดะ หมู่บ้านที่หิมะปกคลุมบ้านเมือง ขาวโพรนทุกพื้นที่ ทั้งร้านค้า บ้านซามูไร บ้านนินจา หอสังเกตการณ์ โรงละคร วัด ซึ่งคนในหมู่บ้าน แต่งตัวย้อนยุค เสมือนอยู่ในยุคญี่ปุ่นโบราณ หากได้ลองก้าวเท้าเข้ามา จะกลายเป็นนักเดินางแห่งกาลเวลาออกห่างจากชีวิตในโลกปัจจุบัน จะมีจุดให้เดินท่องชมมากกว่า 20 จุด เดินหนาวเย็นยะเยือก ถ่ายรูป ชิม ช้อป รายขายของที่ระลึก และขนมต่างๆ เพลิดเพลิน
รวมถึงการชมการแสดงในหมู่บ้านระรานตา ไม่ว่าจะเป็น โชว์โออิรัน ในโรงละคร วัฒนธรรมญี่ปุ่น โชว์นินจา ที่จะมาเปิดฉากการต่อสู่อย่างดุเดือด และยังมีอีกมุมลึกลับน่าค้นหาหลายจุด อาทิ วัดแมวผี ปลายทางของแมวสีทองที่กวักมือเรียก กลับกลายร่างเป็นแมวผี และเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์ผีสิง
จุดที่สอง ด้วยความที่เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่อง น้ำแร่ “หุบเขานรกจิโงคุดานิ” (Jigokudani) หรือมีอีกชื่อหนึ่งที่เป็นฉายาที่ได้รับการขนานนามว่า “Hell Valley” แหล่งต้นน้ำ ที่ตั้งอยู่เหนือย่านบ่อน้ำร้อน โนโบริเวทสึ (Noboribetsu Hot Spring) ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของย่านบ่อน้ำร้อนโบริเบทสึ มีเส้นทางหุบเขาให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินไต่ขึ้นเนินเขาไปเรื่อยๆ ประมาณ 20-30 นาที จะพบกับบ่อโอยุนุมะ (Oyunuma) ซึ่งบ่อน้ำร้อนแห่งนี้เป็นบ่อน้ำร้อนกำมะถัน มีอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เหมาะกับการออกกำลังคนชื่นขอบปีนป่าย นักปีนเขา
แวะพัก คำ่คืนนี้ กันที่โรงแรม Toya Sun Palace Resort & Spa โรงแรมระดับ 4 ดาว เมืองนี้ขึ้นชื่อ เรื่อง “ออนเซ็น” ซึ่งภายในโรงแรม สามารถ ออนเซ็น อาบน้ำแร่ธรรมชาติ ออนเซ็น ที่แยกชายและหญิง มีทั้งพื้นที่อินดอร์ และเอ้าท์ดอร์ การแช่น้ำแร่ธรรมชาติ จะช่วยในเรื่องการบำรุงการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้หายปวดเมื่อย ปวดศรีษะ และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล เลือดลมสูบฉีด ทำให้ร่างกายกลับมาสดใสอีกครั้ง
ออกเดินทางเช้าวันที่สอง ด้วยจากการเยือน “ภูเขาไฟโชวชินซัน” (Showa Shinzan) เป็นภูเขาเกิดใหม่ของภูเขาไฟบนเกาะฮอกไกโด ประมาณปี ค.ศ.1944-1946 ปะทุติดต่อกันนานถึง 2 ปี จนกลายมาเป็นภูเขาโซวะในปัจจุบัน ซึ่งถูกจัดให้เป็นภูเขาไฟที่มีอายุน้อยที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความที่ภูเขาไฟแห่งนี้ใกล้กับภูเขาไฟอุสุ ทำให้เราสามารถมองเห็นภูเขาไฟได้จากจุดชมวิวภูเขาไฟอุสุ โดยการขึ้นกระเช้าอุสุซัง (Mt”Usu Ropeway)
เดินทางต่อ ด้วยการขึ้น กระเช้าอุสุซัง (Mt”Usu Ropeway) ซึ่งยอดเขาไฟอุสุ มีที่สามารถจิบเครื่องดื่มพร้อมชมวิว “ทะเลสาบไทยะ” เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่รูปวงกลม เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟ ที่มีเส้นรอบวงราว 40 กิโลเมตร ความพิเศษของทะเลสาปแห่งนี้ คือ หน้าหนาว น้ำไม่แข็งตัว หน้าร้อน มีอากาศเย็นสบาย ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวทะเลสาบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะจุดสุดคุ้มของที่นี่ คือมองเห็นทุกแลนด์มาร์กแบบ 360 องศา ด้วยการกวาดสายตาจากทะเลสาบไทยะ เกาะนากาจิมะ ภูเขาไฟอุ ตะซัง ภูเขาไฟโชวะชินซัง บลาๆ
ยังไม่จบ ต่อด้วยการขึ้นไปยัง “รุซุสึรีสอร์ท (Rusutsu Resort) รีสอร์ทที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดช่วงหน้าหนาว สนุกสนาน ด้วยการเล่นอุปกรณ์ที่เรียกว่า “ทูบ” ซึ่งเป็นแผ่นยาง คล้ายห่วงยางบ้านเรา มีลักษณะเป็นวงกลมที่ใช้สไลด์ลง จากที่สูงลงสุ่ที่ต่ำ ทางลาดชันที่ปกคลุมไปด้วยด้วยหิมะที่ขาวโพลน เหมาะสำหรับ เด็กฝึกหัดเล่น สกี ปล.สนุกมากก เล่นเอาซะหอบเลยคะคุณผู้ชมขาาาา แต่แอบเสียวนิดหน่อย
ส่งท้ายคำ่คืนนี้ ที่ “เมืองโอตารุ” (Otaru) เมืองท่าเล็กๆ แต่โรแมนติกของเกาะฮอกไกโด ชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ภายในเมืองโอตารุ มีอาคารและโกดังเก่าแก่ในสไตล์ตะวันตกแบบวิคตอเรียน ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อยู่หลายแห่ง ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนมาเที่ยวยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณ เลียบ คลองโอตาระ (Otaru Canal) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมือง สามารถเยี่ยมชมได้ทั้งหน้าหนาวที่มีหิมะปกคลุมอย่างสวยงาน และในฤดูอื่นๆ ตลอดทั้งปี
เช้าวันที่สามกับการ เดินเลาะเลียบ “คลองโอตารุ” (Otaru Canal) ที่มีความยาว 1,140 เมตร และเชื่อมกับอ่าวโอตารุ ซึ่งสมัยก่อนประมาณ ค.ศ.1920 ที่ยุคอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือเฟื่องฟู คลองแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้า จากคลังสินค้าในตัวเมืองโอตารุออกไปยังท่าเรือบริเวณปากอ่าว มีอาคารเก่าแก่ริมคลองที่สร้างจากอิฐสีแดง เป็นแนวยาว ปัจจุบันแปรสภาพเป็นร้านอาหาร ทำให้ได้บรรยากาศโรแมนติกมากๆ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
เดินต่อไปยัง “พิพิธภัณฑ์ กล่องดนตรีโอตารุ” เป็นหนึ่งในร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีในญี่ปุ่น ตัวอาคารมีความเก่าแก่สวยงาม และถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสาตร์ของเมือง ด้านหน้ามี “นาฬิกาไอน้ำโบราณ” สไตล์อังกฤษ ที่มีอยุ่ 2 เรือนในโลกที่ยังทำงาน เป็นของขวัญจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ที่มอบให้กับเมืองโอตารุ นาฬิกาจะมีเสียงดนตรีดังขึ้นทุก 15 นาที และจะพ่นไอน้ำออกมากทุกๆ ชั่วโมง เช่นเดียวกับนาฬิกาไอน้ำอีกเรือนที่ลอนดอน
คนรักช็อคโกแลต ถูกในสิ่งนี้!! “โรงงานช็อคโกแลต ฮอกไกได” (Shiroi Koibito park) ขนมของฝากยอดฮิตจากฮอกไกได ผลิตโดย บริษัท Ishiya คุกกี้แผนบางกรุบกรอบประกอบไวท์ซ็อคโกแลตหวานละมุน นอกจากสูตรคลาสสิคแล้ว ก็มีรสชาติใหม่ๆ มากมาย ด้วยรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์จึงได้รับความนิยมมายาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งในโรงงานจะเห็นขั้นตอนการผลิตช็อคโกแลตที่สื่อออกมาน่ารักมากๆ
ส่งท้ายตะลุยฮอกไกโด มุ่งหน้าสู่ “เมืองซัปโปโร” สายมูห้ามพลาด “ศาลเจ้าฮอกไกโด ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในมืองซัปโปโร เป็นศาลเจ้าศาสนาพุทธนิกายชินโต นับว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งในเกาะฮอกไกโด ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1871 ปัจจุบันยังมีความเกี่ยวข้องผูกพันธ์กับวิถีชีวิตของชาวฮอกไกโดอย่างมาก เริ่มตั้งแต่การมาสักการะในวันปีใหม่ การปัดเป่ารังควาญ วันเซ็ตสึบุน พิธีสมรสและอื่นๆ ในเขตศาสเจ้าที่มีธรรมชาติอุดม สมบูรณ์ มีกระรอกป่ามาเยี่ยมทักทาย
ปิดมื้อค่ำด้วย ร้านอาหาร “Seafood Buffet NANDA” สายบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง ห้ามพลาด ไลน์บุฟเฟ่ต์มีสารพัด จัดเต็ม เนื้อนานาชนิด กุ้ง หอย ปู ปลา ไปจนถึงสารพัด ปูทุกชาติพันธ์ อย่าง ขาปูยักษ์ ใครชื่นชอบอะไรเลือกหยิบได้ไม่อั้น ราคาหัวละ 3พันกว่าบาท รวมเครื่องดื่ม จุกๆ ไปเลยจ้า
เช้านี้ที่ ซัปโปโร เปิดตลาด “ตลาดปลานิโจ” เป็นตลาดปลาสดที่คึกคัก ทั้งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ที่นี่นอกเหนือจากการขายอาหารสดแล้ว ยังมีผักและผลไม้ที่สดกว่าปลาไปอี้ก มีร้านของฝาก ร้านอาหารต่างๆ อีกหนึ่งเสน่ห์ของตลาดนิโจ
จุดเช็คอิน ที่ห้ามพลาด!! สำหรับสิงห์นักดื่ม “พิพิธภัณฑ์ เบียร์ซัปโปโร” ฮอกไกโด ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเบียร์ที่แรกของประเทศญี่ปุ่น ที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมที่สุดในประเทศ โดยมีการกลั่นเบียร์ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1877 มาจนถึงปัจจุบัน และยังส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย ที่นี่ถือเป็นแหล่งที่เราสามารถเรียนรู้ถึงสินค้าที่มีชื่อเสียงที่ไม่ได้โด่งดังแค่ในประเทศ เพราะแบรนด์เบียร์ของฮอกไกโดมีชื่อเสียงระดับโลก
ปิดจ้อบนักช้อปกันที่ “ย่านทานุกิโคจิ” เป็นหนึ่งในถนนคนเดินที่เก่าแก่ที่สุดในฮอกไกโด สร้างในปี ค.ศ.1873 และมีประวัติศาสตร์กว่า 150 ปี เป็นถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดสายหนึ่งที่มีหลังคาคลุม 7 บล็อค และมีร้านค้ากว่า 200 ร้านเรียงรายอยู่บนทางเดินยาวกว่า 900 เมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายสินค้ามากมายกว่า 100 ร้าน ทั้งร้านขนม อาหาร ยา เสื้อผ้า รองเท้า ABC Mart หรือแม้แต่ร้านยอมฮิตของคนไทย Don Quijote
ส่งท้ายตะลอนฮอกไกโด ฉ่ำๆ ไปเลย ตั้งแต่สัมผัสแรก จนสุดท้าย แทบไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะคุณผู้ชม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี