ด้วยความที่การตลาดปัจจัยเสี่ยง ทั้งเหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า การพนัน อาศัยพลังโซเชียลมีเดียรุกคืบเข้ามาในกลุ่มเด็ก เยาวชน เป็นเป้าหมายหลักหวังให้เกิดการเสพติด เป็นลูกค้ากันไปยาวๆ ดังนั้น เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชนต้องร่วมมือกัน จะไปหวังจริยธรรม จรรยาบรรณของกลุ่มธุรกิจเหล่านี้อาจจะเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไป
ล่าสุด ใจชื้นขึ้นมาเปราะหนึ่ง เมื่อ เครือข่ายงดเหล้าภาคใต้ตอนบน จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมตัวกัน หลักๆ ก็ 25 หน่วยงาน มาลงนามบันทึกข้อตกลง ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัยป้องกันปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า น้ำกระท่อม สารเสพติด การพนันออนไลน์ อุบัติเหตุ และ อนามัยเจริญพันธุ์ ในเด็ก-เยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) อธิบายถึงสาระสำคัญของ “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา” ว่า เป็นกรอบทิศทางหรือข้อตกลงร่วมที่จะนำไปสู่เป้าหมายการปกป้องเด็กเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงแบบมีส่วนร่วม โดยชุมชน โรงเรียน ผู้ปกครอง และคนที่เกี่ยวข้องเป็นเจ้าของร่วมกัน โดยมีจังหวัดนครศรีธรรมราชจะเป็นจังหวัดนำร่องที่ใช้ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาในพื้นที่เขต 11 เพื่อเป็นพื้นที่กลางในการสานพลังของทุกภาคส่วนในการปกป้องเด็ก เยาวชน
แน่นอนว่า ตนเองในฐานะเป็นลูกหลานคนนครฯ มีความภาคภูมิใจ และร่วมสนับสนุนการดำเนินงานในครั้งนี้รวมถึงเป็นกำลังใจให้ทุกองค์กรที่ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงกันวันนี้
กันตนัช รัตนวิก ผู้แทนเครือข่ายงดเหล้าภาคใต้ตอนบน และสมาคมเพื่อนเยาวชนและพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน ระบุว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงกันวันนี้ ก็สืบเนื่องมาจากเวที สมัชชาสุขภาพจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทาง สมาคมฯ ได้ร่วมกับองค์กรเครือข่ายนำเสนอประเด็นปัญหาและข้อเสนอเชิงนโยบายกับผู้ว่าราชการจังหวัดใน 4 ประเด็นสำคัญด้านเด็ก-เยาวชน คือ ประเด็นปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ประเด็นปัญหาสารเสพติด, ประเด็นปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า และปัญหาอนามัยเจริญพันธ์
โดยมีข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ที่สำรวจไว้เมื่อปี 2564 พบว่า ประชากรของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีอัตราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอันดับที่ 72 ของประเทศ เมื่อจำแนกกลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี พบว่ามีการดื่มร้อยละ 4.6 ขณะที่ข้อมูลจากเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ซึ่งได้ร่วมกับศึกษาจังหวัด ทำการสำรวจนักเรียนอายุ 13-15ปี จำนวน 1,900 คน ใน 63 โรงเรียน จาก 18 อำเภอ พบว่าเคยดื่มเหล้า/เบียร์ ร้อยละ 38.2 โดยมีการดื่มอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง คิดเป็น ร้อยละ38.2 ดื่มจนเมา คิดเป็น ร้อยละ 89.7 และดื่มหนักจนเมาครองสติไม่ได้ถึง ร้อยละ 10.3
ส่วนเรื่องปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างโรคติดต่อ เช่น การติดเชื้อ HIV ก็มีข้อมูลปี 2566 จากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งพบว่า เด็กอายุ 15-24 ปี ติดเชื้อ HIV ถึง 8,896 คน ถือว่า มากที่สุดในเขต 11 อีก มีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา 13,788 คน ในนี้ออกจากระบบการศึกษาระดับประถมศึกษา 1,336 คน ทางเครือข่ายจึงประสานความร่วมมือกับทุกกลไกเพื่อเร่งป้องกันปัญหาโดยจะทดลองปฏิบัติการในพื้นที่ 8 อำเภอนำร่องภายใต้เครื่องมือ ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย ที่จะมีโรงเรียนเป็นหน่วยจัดการภายใต้ความร่วมมือกับอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) และชุมชนรอบโรงเรียน
ด้าน นายรวยยิ่ง สังกรด ชมรม อสม. กล่าวว่า ในทุกชุมชนจะมี อสม.คอยดูแลอยู่แล้ว โดยภารกิจหลักของ อสม.คือ การสำรวจ จัดทำข้อมูล และดูแลด้านสุขภาพของประชาชน แต่ด้วยหลายปัจจัย ทำให้ปัญหาบางอย่างจึงไม่ได้ถูกแก้ไขได้ในชุมชน จึงหวังว่า ความร่วมมือกัน การจับมือกันของ ภาคส่วนต่างๆในครั้งนี้ จะช่วยแก้ปัญหา เหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า น้ำกระท่อม สารเสพติด การพนันออนไลน์ อุบัติเหตุ และ อนามัยเจริญพันธุ์ ในเด็ก-เยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีมาก โดย อสม.มีความพร้อมที่จะเป็นแรงหนุนสำคัญในการร่วมภารกิจนี้อย่างเข้มข้น เพื่อเป้าหมายการปกป้องเด็กเยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราชทุกคนให้ปลอดภัย ห่างไกลจากอบายมุขเหล่านี้ เพื่อให้เขาเติบโตมาเป็นคนคุณภาพ ร่วมกันพัฒนาบ้านเกิด พัฒนาชุมชน จังหวัด และประเทศไทยต่อไป
รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผอ.ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน กล่าวว่า ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ เก็บข้อมูลประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ใน 24 จังหวัด ระหว่างวันที่ 15 พ.ย.- 27 ธ.ค. 2566 รวม 7,131 คน พบว่า 99.3% มีคนรอบตัวเล่นการพนัน โดย 21% ของกลุ่มเด็ก และ 26% ของกลุ่มเยาวชน เมื่อเห็นคนรอบตัวเล่นก็อยากเล่นเช่นกัน ทั้งนี้ เกินครึ่ง ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มการพนันถูกกฎหมาย ทั้งทายผลฟุตบอล บ่อนกาสิโน และพนันออนไลน์ เพราะจะมีผลให้คนเล่นพนันเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือข้อมูลในภาพรวมพบว่าคนไทย 63.1% หรือประมาณ 34.51 ล้านคน เล่นการพนัน โดยปี 2566 เด็กอายุ 15-18 ปี เล่นพนัน 1.06 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 2.31 แสนคนจากปี 2564 ส่วนเยาวชน 19-25 ปี เล่นการพนัน 3.92 ล้านคน อายุ 60 ปีขึ้นไป เล่นการพนัน 4.47 ล้านคน
ทั้งนี้ มีคนเล่นพนันจนเกิดผลกระทบมากถึง 7.45 ล้านคน เช่น ขาดเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ขายทรัพย์สิน เครียด เสียสุขภาพจิต เสียเวลาทำงาน การเรียน สุขภาพเสื่อมโทรม ทะเลาะกับคนในครอบครัว เสียเพื่อน ญาติ ครอบครัว ขณะที่ตัวเลขปี 2566 พบว่า 6 ล้านคนเสี่ยงเป็นนักพนันที่เป็นปัญหา ควรเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
อนึ่ง ในการลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ ประกอบด้วย 25 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.), ศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช, สำนักสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช, สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.), บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมราช, สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช, เครือข่ายยุวทัศน์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสังคมและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครศรีธรรมราช, มูลนิธิรักษ์ไทย จังหวัดนครศรีธรรมราช, ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน จังหวัดนครศรีธรรมราช, สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช, ชมรม อสม.จังหวัดนครศรีธรรมราช
สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช, สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช, สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน), ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน, สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สสส.), สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช (พมจ.), ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช, ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช, ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช, สมาคมสื่อชุมชนภาคใต้ นครศรีธรรมราช, เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช, สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช, ศูนย์ควบคุมป้องกันสารเสพติดและปัจจัยเสี่ยงจังหวัดนครศรีธรรมราช, ตำรวจภูธร จังหวัดนครศรีธรรมราช, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 11 สุราษฎร์ธานี และ ท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี