ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat
โดยระบุข้อความว่า "พะยูนตายเยอะมาก ข้อมูลอาจสับสน ขอสรุปใหม่ให้ตรงกับกรมทะเล ปีนี้พะยูนตายไปแล้ว 41 ตัว มากกว่าปีก่อนที่ตาย 40 ตัว สองปีรวม 81 ตัว เมื่อเทียบกับจำนวนตายเฉลี่ยในอดีต ปีละ 12 ตัว พะยูนตายเพิ่ม 3.5 เท่า
ในจำนวน 41 ตัวที่ตาย มีอยู่ 39 ตัว ตายในพื้นที่หญ้าทะเลเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากโลกร้อนในเขตอันดามันใต้ (ในบางพื้นที่อาจมีผลกระทบจากกิจกรรมมนุษย์ทับซ้อนอยู่ด้วย เช่น ตะกอนทราบที่เกาะลิบง)
ผลการสำรวจของกรมทะเลและหน่วยงานต่างๆ ตลอดเดือนพฤศจิกายน พบว่าหญ้าทะเลในตรัง กระบี่ และสตูล ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น หญ้าทะเลในอ่าวพังงาและภูเก็ตในบางพื้นที่ เริ่มแสดงอาการคล้ายใน 3 จังหวัด น่าเป็นห่วงว่าสถานการณ์จะแย่ลง พะยูนเต็มวัยต้องการหญ้าทะเล 13-16 ไร่ในการหากิน (ปกคลุมพื้นที่ 60%)
ปัจจุบัน นอกจากหญ้าทะเลที่ภูเก็ตและอ่าวพังงามีพื้นที่ไม่พอ ความสมบูรณ์ต่ำ หากสถานการณ์หญ้ายังไม่ดีขึ้หรือเลวร้ายลง พะยูนที่เหลืออยู่จะเสี่ยงอย่างมาก พะยูนไปต่อจากอ่าวพังงาและภูเก็ตไม่ได้ เพราะแนวหญ้าทะเลสุดตรงนี้ แหล่งหญ้าทะเลต่อไปคือทับละมุ ห่างไปเกือบ 100 กิโลเมตร พะยูนไม่สามารถว่ายผ่านทะเลเปิด เช่น ท้ายเหมือง เขาหลัก ไปถึงที่นั่นได้ พะยูนทั้งที่อยู่บริเวณเดิมและที่อพยพไปที่อื่นเริ่มทยอยตายลง เช่น อดอาหาร ป่วย สู้กันเพราะหวงแหล่งอาหาร โดนเรือชน เครื่องมือประมง ถูกล่า? ฯลฯ ทั้งหมดนั้นมีจุดเริ่มต้นจากหญ้าทะเลหายไปเพราะผลกระทบจากโลกร้อน ทำให้ระบบนิเวศเสื่อมโทรมและใกล้ล่มสลาย
ทางออกที่ทำอยู่ตอนนี้ กรมทะเล กรมอุทยาน และอาสาสมัคร พยายามให้อาหารเสริมพเยูนในธรรมชาติ เช่น หญ้าทะเล (ตะกานน้ำเค็ม ร่วมกับคณะประมง) หญ้าช้อง ผักชนิดต่างๆ ที่ภูเก็ตและตรัง พะยูนในบางพื้นที่กินอาหารเสริม แต่ยังมีอุปสรรค เช่น ปลาไล่ หรือแม้ไม่มีอุปสรรค อาหารเสริมฝนปัจจุบันคงมีไม่พอหากหญ้าทะเลในธรรมชาติลดลงอีก หน่วยงานต่างๆ ร่วมกับอาสาสมัครและเครือข่ายท้องถิ่น พยายามจัดทำมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยอนุรักษ์ ทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องที่อาจส่งผลกระทบต่อพะยูน
ทางออกในอนาคต กรมทะเลกำลังวางแผนทำคอกขนาดใหญ่เพื่อให้พะยูนอยู่ในนั้นและให้อาหาร กรมอุทยาน/คณะประมง กำลังวางแผนจัดทำกระชังยักษ์เพื่อช่วยพะยูนป่วย ตลอดจนคอกในรูปแบบต่างๆ คณะประมงกำลังพยายามขยายพื้นที่เพาะเลี้ยงหญ้าทะเล “ตะกานน้ำเค็ม” เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการให้อาหารพะยูนในที่เลี้ยงในอนาคต เราอาจต้องลองคิดถึงความเป็นไปได้ในการจับและขนย้ายพะยูน เช่น ใส่คอก ใส่กระชัง ย้ายไปแหล่งหญ้าที่อยู่ไกลออกไป
แต่นั่นเป็นเรื่องยากมากๆ ไม่มีอะไรรับประกันว่าพะยูนจะไม่บาดเจ็บระหว่างจับ หรือแม้จะนำไปในคอก/กระชังหรือย้ายไปแหล่งหญ้าใหม่ พะยูนจะอยู่ได้
สรุป คงต้องยอมรับว่าเราอยู่ในสถานการณ์ใกล้จนตรอก เราไม่สามารถแก้โลกร้อน ต้นเหตุที่ทำให้หญ้าทะเลหายไป เราจึงต้องหาทางออกเฉพาะหน้าเท่าที่มีความเป็นไปได้ และเรากำลังพยายามอยู่ แต่ทุกวิธีล้วนไม่มีอะไรการันตี เราไม่มีเวลาทดลอง/สร้างงานวิจัย หรือทำอะไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากๆ นาทีนี้ เราได้แต่หวังเพียงทำให้เต็มที่ และขอปาฏิหาริย์ที่จะช่วยพวกเธอได้ แม้จะน้อยนิดไม่กี่ตัวก็ยังดี
อย่าลืมว่าทั้งหมดนี้ มีจุดเริ่มมาจากอะไร
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Thon Thamrongnawasawat
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี