เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมบาริสต้าไทย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) จัดงานสัมมนา “SCA Educator Summit” ประจำปี 2567 โดยสมาคมกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee Association หรือ SCA) ณ ห้องประชุมศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร โดย นายมีชัย อมรพัฒนกุล นายกสมาคมบาริสต้าไทย เปิดเผยว่า SCA มีหลักสูตรอบรมพัฒนาวิชาชีพกาแฟ SCA Education program เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีผู้ฝึกสอนของ SCA กระจายอยู่ทั่วโลก จึงได้จัดการอบรมเสริมสร้างทักษะการสอนให้กับ SCA trainer ตามภูมิภาคต่างๆ ซึ่งถือเป็นการจัดสัมมนาครั้งแรกในประเทศไทย เพราะนอกจากผู้ร่วมงานจะได้รับการพัฒนาทักษะความรู้แล้ว ทางสมาคมฯได้นำกาแฟคุณภาพของประเทศไทยไว้เสิร์ฟตลอดการสัมมนา ถือเป็นช่องการประชาสัมพันธ์กาแฟคุณภาพของประเทศไทยไปต่างประเทศ ผ่านผู้ฝึกสอน SCA
สำหรับสมาคมบาริสต้าไทย ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2548 ผู้ประกอบวิชาชีพ “บาริสต้า” มิได้เป็นเพียงแค่ผู้ชงกาแฟเท่านั้น แต่เป็นตัวแทนของผู้ผลิตกาแฟตลอดห่วงโซ่อุปทานในสื่อสาร สร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ผู้บริโภค ได้รับรู้ถึงคุณภาพของกาแฟเข้าใจและยอมรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นการผลิตของกาแฟคุณภาพ บาริสต้าจึงเปรียบเสมือนเชฟของกาแฟ หรือเป็นโฆษกของอุตสาหกรรมกาแฟ ซึ่งสมาคมบาริสต้าไทยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพบุคลากรผู้ประกอบวิชาชีพของอุตสาหกรรมกาแฟ และเสริมสร้างพัฒนาเครือข่ายวงการกาแฟของไทยและทั่วโลก เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณภาพกาแฟ และความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค สู่การพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟของไทยอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีชัย อมรพัฒนกุล นายกสมาคมบาริสต้าไทย
ทั้งนี้ สมาคมบาริสต้าไทย ได้มีความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ในการจัดตั้งศูนย์สอนและศูนย์สอบวิชาชีพกาแฟที่ได้มาตรฐานแห่งแรกของประเทศไทยและอาเซียน ให้เป็นศูนย์ต้นแบบ พร้อมร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ขยายศูนย์สอนและศูนย์สอบวิชาชีพกาแฟไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยสมาคมบาริสต้าไทยมุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านกาแฟของภูมิภาคอาเซียน พร้อมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระดับประเทศและทั่วโลก
สำหรับศูนย์สอนและศูนย์สอบวิชาชีพกาแฟของประเทศไทยและอาเซียน จะเป็นศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพกาแฟตามมาตรฐาน ทั้งหลักสูตรของประเทศไทย อาเซียน (ACF) และสากล (SCA) นับเป็นศูนย์เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนานาชาติ เพื่อพัฒนาบุคลากร และเสริมสร้างผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟของไทย อย่างไรก็ตาม สมาคมบาริสต้าไทย ได้มีกรอบความร่วมมือในการพัฒนาสถาบันกาแฟร่วมกับทั้งระดับภูมิภาค เพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพของประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับทั้งระดับอาเซียนและระดับโลก ซึ่งจะมีโครงการที่พัฒนาหลักสูตรร่วมกันในอนาคตต่อไปอีกด้วย
“เนื่องจากอุตสาหกรรมกาแฟ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 เท่า ในปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นผู้นำกาแฟคุณภาพของภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ผู้ประกอบอาชีพบาริสต้าในปัจจุบันมากครึ่ง มีทักษะต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เพราะหลักสูตรที่ฝึกอบรมวิชาชีพบาริสต้าที่ได้มาตรฐานมีมาตรฐาน มีค่าเรียนค่อนข้างสูง สมาคมบาริสต้าไทย จึงตระหนักในเรื่องนี้ เป็นที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างโอกาสให้กับกลุ่มเปราะบาง ลดต้นทุนในการเข้าถึงการพัฒนาทักษะความรู้ตลอดจนการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของบาริสต้า โดยเปิดกว้างและไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของวุฒิการศึกษาสำหรับผู้ที่จะเข้าสู่การพัฒนาศักยภาพวิชาชีพบาริสต้า ทำให้พวกเขาสามารถเข้าสู่วิชาชีพบาริสต้า และมีโอกาสสร้างรายได้ที่สูงกว่าวุฒิการศึกษาของตนเอง ซึ่งวิชาชีพบาริสต้าสามารถสะสมประสบการณ์ และพัฒนาตนเองแล้ว ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการได้ และสำหรับคนที่มีความรู้ด้านภาษา ก็สามารถเข้าสู่วิชาชีพบาริสต้าในต่างประเทศได้อีกด้วย” นายมีชัย กล่าว
ศ.ดร.ปรินทร์ ชัยวิสุทธางกูร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มศว.
ขณะที่ ศ.ดร.ปรินทร์ ชัยวิสุทธางกูร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ทาง มศว มีอาจารย์ที่มีความสามารถในการหมักเมล็ดกาแฟ ทำให้มีกลิ่นและรสที่มีความพิเศษ มศวจึงได้ร่วมมือกับสมาคมบาริสต้าไทยเพื่อเป็นศูนย์ในการอบรมให้กับผู้ที่สนใจที่จะเป็นบาริสต้าให้ได้รับใบ Certificate ที่สามารถไปทำงานและช่วยเพิ่มค่าแรงได้สูงขึ้น โดยขณะนี้ อยู่ในช่วงของการร่าง MOU ระหว่าง มศว และสมาคมบาริสต้าแห่งประเทศไทยรวมถึง SCA ซึ่งเชื่อว่า มศว ก็เป็นต้นแบบที่จะขยายต่อไปในมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในอนาคตได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ด้าน นายมนตรี จงวิเศษ หัวหน้าโครงการคลัสเตอร์กาแฟ ภายใต้โครงการสร้างเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วม (Cluster) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก บพท. ระบุว่า บพท.เห็นความเจริญเติบโตของกาแฟโลกมาสู่กาแฟไทย ซึ่งปัจจุบันปริมาณกาแฟที่ผลิตได้ในไทยนั้นมีน้อยมาก ประมาณ 20,000 กว่าตันขณะที่ในเวลาหนึ่งปีใช้ถึงประมาณ 100,000 กว่าตัน ดังนั้น จะเห็นได้ว่า หากให้การสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างดี วงการกาแฟก็จะเจริญเติบโตได้มากขึ้น อีกทั้ง บพท. ยังเห็นว่า “บาริสต้า” มีส่วนสำคัญอย่างมาก รวมไปถึงตลอดทั้งห่วงโซ่ของการผลิตกาแฟ ซึ่งกาแฟสามารถเจริญเติบโตทางด้านการตลาดได้มากถึง 25-30% จึงเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม เพราะจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มด้วย และเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมกาแฟอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีนี้ ที่จะเป็นจุดพีค ดังนั้น บพท.ก็จะทำให้ทุกวิถีทางให้กาแฟเจริญเติบโตตามเส้นทางของกาแฟ ซึ่งเราก็ได้คุยกับ SCA และคาดว่า สมาคมบาริสต้าไทย จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกาแฟได้ รวมถึงรายได้ของบาริสต้า ที่หากได้มีการเรียนรู้ฝึกฝน จนกระทั่งได้รับใบ Certificate ก็จะทำให้ได้รับเงินเดือนที่มากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการก็จะได้พัฒนาตัวเอง พร้อมส่งเสริมให้กาแฟไทยก้าวไปสู่กาแฟโลก ซึ่งคาดว่า ปี 2026 อาจจะมีกาแฟโลกที่ไทยเป็นครั้งแรก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี