บริษัทอาหารทะเลส่งออก ในจังหวัดตรัง ติดอันดับ 10 จาก 16 อันดับของภาคใต้ มีมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงงาน เนื่องจากปัจจุบัน เศรษฐกิจอยู่ในภาวการณ์ชะลอตัว หากปรับขึ้นค่าแรงจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมและประชาชนผู้บริโภค ที่ต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าราคาที่แพงขึ้น แนะนายกรัฐมนตรี ควรมีความเข้มแข็งและกล้าตัดสินใจในการบริหารมากกว่านี้
16 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ ซีอีโอบริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด(มหาชน)ซึ่งประกอบกิจการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของจังหวัดตรัง จากการจัดอันดับผู้ประกอบการส่งออกสินค้าพบว่าบริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจำกัด(มหาชน) ติดอันดับ 10 จาก 16 อันดับของภาคใต้ มีมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท โดยทางบริษัทฯ ส่งอาหารทะเลแปรรูปไปในหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นกุ้ง ที่รับซื้อภายในจังหวัดและต่างจังหวัด เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งลดลงเป็นอย่างมาก มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ที่ผ่านมาจังหวัดตรัง มีการเลี้ยงกุ้งประมาณ 6 แสนตันต่อปี แต่ในขณะนี้มีเพียง 2 แสน 7 หมื่นตันต่อปี และมีทีท่าว่าจะลดลงอีก
ในขณะที่กุ้งของเกษตรกรที่จับมาจำหน่ายก็มีตัวเล็กลง เพราะว่าเกษตรกรต้องรีบจับมาขายเพื่อป้องกันการขาดทุน ส่วนที่ส่งออกอีกชนิดก็จะเป็นเนื้อปลาแซลมอน ซึ่งเนื้อปลาแซลมอนต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งนั้นตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีไปจนถึงปีหน้า คาดว่าน่าจะประคองให้เติบโตเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่ายังทรงตัวอยู่ได้ ปัจจัยหลักๆนั้นมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลงไปบ้าง
ในส่วนของการปรับค่าแรง 400 บาท หรือมีบางกระแสต่อไปจะปรับค่าแรงถึง 700 บาทนั้น ในปัจจุบันนี้มองว่ายังไม่สมควรที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดี การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ประชาชนก็ขาดกำลังซื้อเงินในกระเป๋าของประชาชนแทบจะไม่เหลือ เพียงแค่กระแสการปรับค่าแรงก็ส่งผลให้ราคาสินค้าบางชนิดมีการปรับขึ้นไปรอกันแล้ว อีกทั้งการปรับค่าแรงยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่งก็มีหลายโรงงานแล้วที่ประกาศปิดโรงงาน ทำให้พนักงานตกงานจำนวนมาก อีกทั้งประชาชนผู้บริโภคเองก็ได้รับผลกระทบหากมีการปรับค่าแรงสินค้าก็ต้องแพงขึ้นไปอีก ส่วนตัวมองว่านายกรัฐมนตรีควรมีความเข้มแข็งในการบริหารบ้านเมืองมากนี้
เพราะว่าที่ผ่านมาประชาชนนั้นในระดับรากหญ้าหรือระดับกลางมีรายได้ลดลงอย่างมาก เมื่อประชาชนไม่มีรายได้เพิ่มขึ้นการจับจ่ายซื้อสินค้าก็ลดลงตามไปด้วยดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ปัญหา ก่อนที่ประชาชนจะมีความลำบากไปมากกว่านี้และขาดความเชื่อมั่นในการบริหารงานรัฐบาลที่ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี