29 ธันวาคม 2567 พระหรมวชิรวิมล ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่ คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 10 ธรรมยุต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายเสนีย์ ส้มเขียวหวาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีผูกพันธสีมา และตัดหวายฝังลูกนิมิต วัดป่านรารักษ์ บ้านสมสะอาด ตำบลหนองสามสี อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ โดยมี นายเอกสิทธิ์ ดวงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอำนาจเจริญ นายฤทธิไกร สายสุด ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอเสนางคนิคม หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ พ่อค้า ประชาชนชาวบ้านสมสะอาด ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหนองสามสี ตำบลใกล้เคียง และ พุทธศาสนิกชน เข้าร่วมในพิธีจำนวนมาก

วัดป่านรารักษ์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านสมสะอาด ตำบลหนองสามสี อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ มีเนื้อที่ จำนวน 15 ไร่ เป็นวัดสังกัดธรรมยุต สภาพวัดเป็นเนินสูง เมื่อชาวบ้านสมสะอาดมีความศรัทธาเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา เวลาจะทำบุญแต่ละครั้ง จะไปทำบุญที่วัดสว่างเนินกุง ซึ่งห่างไกลพอสมควร และทางเดินสะดวกมากในสมัยนั้น จึงได้ปรึกษาหารือกันว่า จะสร้างวัดแต่ไม่มีที่ดินจะสร้าง ต่อมา มีหลวงตาโฮม พร้อมชาวบ้านสมสะอาดพร้อมใจกันถวายที่ดิน(วัดป่านรารักษ์ในปัจจุบัน)ซึ่งหลวงตาโฮมได้มาพักปฏิบัติธรรมท่านเห็นว่าเป็นสถานที่เหมาะสม สำหรับพักจำพรรษาและปฏิบัติศาสนิกของพระสงฆ์ ต่อมา ชาวสมสะอาด พร้อมใจกันสร้างเป็นที่พักสงฆ์ชึ้น โดยมีการสร้างศาสนกิจที่จำเป็น สำหรับประกอบศาสกิจของสงฆ์ และที่ทำบุญของชาวบ้าน และ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการส่งเสริมปฏิบัติธรรม และการปรับปรุงพัฒนาเสนาสนะ ที่สำคัญ เช่น ศาลาการเปรียญและกฏิสงฆ์ เป็นต้น โดยมีพระภิกษุ สามเณร อยู่จำพรรษาไม่เคยขาด มีเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัดมาแล้ว 3 รูป 1.พระอธิการโฮม กิตติปญโญ ตั้งแต่ พ.ศ.2550 – 2558 2.พระอธิการโอภาส อนาวิโล ตั้งแต่ พ.ศ.2558 – 2559 และ 3.พระอธิการมานะ สุชาโต ตั้งแต่ พ.ศ.2559 - ปัจจุบัน

ซึ่งอุบาสก – อุบาสิกา พร้อมด้วย คณะกรรมการวัด จึงมีจิตสมานฉันท์ร่วมกันก่อสร้างอุโบสถขึ้น ขนาดความกว้าง 50 เมต ความยาว 80 เมตร การก่อสร้างได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากพุทธศาสนิกชน ทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเป็นอย่างดียิ่ง ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี เมื่อก่อสร้างอุโบสถเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการวัดจึงได้ดำเนินการขอรับพระราชทานวิสุงคามาสีมาตามระเบียบของทางราชการและได้รับพระราชทานวิสุงคามาสีมา เมื่อวันที่29 พฤษภาคม พ.ศ.2550 โดยกำหนดเขตความกว้าง 40 เมตร ความยาว 80 เมตร โดยอุโบสถที่สร้าง อยู่ในเขตวิสุงคามสีมา เป็นอุโบสถ 1 ชั้น ทรงไทยประยุกต์ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีการตกแต่งผนังภายนอกสวยงาม ทำให้แปลกกว่าอุโบสถทั่วไป แต่คงไว้ซึ่งพื้นที่ใช้งานหลากหลาย แบบอเนกประสงค์ ซึ่งใช้ทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง 13 ล้านบาท จากพลังศรัทธาและความเสียสละของเจ้าอาวาสวัด พร้อมอุบาสถ อุบาสิกา และคณะเจ้าภาพในหลายพื้นที่.