พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชวนน้องๆ และคุณพ่อ คุณแม่ เที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ “เมล็ดพันธุ์ของพระราชา” ในวันที่ 11 – 12มกราคมนี้ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และเสริมสร้างลักษณะนิสัยให้กับเด็กและเยาวชนผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ลงมือปฏิบัติ เสริมสร้างทักษะ ประสบการณ์ความสุขในวิถีเกษตรและการพึ่งตนเอง
กิจกรรมพิเศษเฉพาะวันที่ 11 มกราคม 2568 ชวนน้องๆ ร่วมสนุกและเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่สอดแทรกสาระความรู้ ผ่านกิจกรรม Walk Rally วิถีเกษตร กว่า 20 ฐาน พร้อมลุ้นรับของรางวัลตลอดงาน
ในงานนี้ยังเปิดรับร้านค้าผู้ประกอบการตัวจิ๋ว กว่า 50 ร้านค้า ชม ช้อป กับสินค้า ผลผลิตปลอดภัยจากเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ ตั้งแต่เวลา 08.00 -15.00 น. ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จ.ปทุมธานี
พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเปิดเผยว่า “พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดพื้นที่เรียนรู้เนื่องในวันเด็กแห่งชาติเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ ความมีระเบียบวินัยเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงจากการเล่นและลงมือทำ ฝึกทักษะการใช้จินตนาการเสริมความคิดสร้างสรรค์ และเรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
เพื่อที่จะเติบโตอย่างมั่นคง พึ่งพาตนเองได้ และเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต”
กิจกรรมในงานวันเด็กแห่งชาติ เมล็ดพันธุ์ของพระราชา วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 สนุกจัดเต็ม
และสอดแทรกสาระความรู้การเกษตร พร้อมลงมือปฏิบัติจริงผ่านกิจกรรม Walk Rally วิถีเกษตร กว่า 20 ฐานอาทิ จักรยานสูบน้ำ ต่อวงจรโซลาร์เซลล์ พลังงานเท้าเหยียบ บิงโกเกษตร บันไดงู นาปาเป้า หนูน้อยจ่ายตลาด คีบเมล็ดพันธุ์ เอาใจเด็กรุ่นใหม่กับเกมแบบชาวดิจิทัล ชวนตะลุยภารกิจตอบคำถามกับเกม Kahoot สวมแว่น VR (Virtual RealityGlass) ตะลุยพิพิธภัณฑ์บนโลกเสมือนจริง ร่วมลุ้นรับของรางวัลมากมายและลุ้นรางวัลใหญ่กลับบ้านทุกชั่วโมง
พร้อมกันนี้ ยังเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา ชมภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3 มิติ ถึง 14 รอบ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดทั้งวัน พิเศษ! ชม ช้อป จุใจ ตลอด 2 วัน ร้านค้าผู้ประกอบการประธานบริษัทตัวจิ๋ว ที่มาเปิดร้านจำหน่ายของกิน ของใช้ ของเล่น กว่า 50 ร้านค้า เพื่อเปิดพื้นที่เรียนรู้ให้เด็ก และเยาวชนได้รู้จักแบ่งปัน และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เสริมสร้างทักษะอาชีพเพื่อการพึ่งพาตนเอง พร้อมกับร้านค้าเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ
พันจ่าเอก ประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อให้มีความสนุกและเสริมการเรียนรู้ รวมทั้งสร้างโอกาสในการร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ยังได้จัดกิจกรรม “วันเด็กออนไลน์” ในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป ทางช่องทาง Facebook Live พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ร่วมปลูกฝังและสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าเมล็ดพันธุ์ของพระราชาเติบโตอย่างมั่นคง พบกันที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จ.ปทุมธานี”
สอบถามข้อมูลได้ที่โทรศัพท์ 02-5292212-13, 087-3597171 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.wisdomking.or.th หรือ Facebook / Instagram /Line ID :@wisdomkingmuseum
พันจ่าเอก ประเสริฐ ยังได้กล่าวถึงการดำเนินนโยบายในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ในปี 2568 จะมีการจัดงานมหกรรม 4 งานใหญ่ ได้แก่ 1.มหกรรมภูมิพลังแผ่นดิน จัดขึ้นวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งตรงกับวันพ่อและวันดินโลก 2.มหกรรมวันเด็กแห่งชาติเมล็ดพันธุ์ของพระราชา จะจัดวันที่ 11 และ 12 มกราคม 2568 นี้ 3.มหกรรมจากพันธุกรรมสู่ความยั่งยืน จัดขึ้นวันที่ 4 ถึง 6 เมษายน ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ มหกรรมสืบสานงานพ่อพัฒนาส่งต่ออาชีพที่ยั่งยืน วันที่ 4 ถึง 6 กรกฎาคม เป็นช่วงเดือนเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวงรัชกาลที่ 10
และในปี 2569 จะมีการจัดงานเพิ่มเติมขึ้นอีก 2 มหกรรม คือ ในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี และในเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระพันปีหลวง
โดยงานมหกรรมใหญ่ๆ เหล่านี้จะขอการสนับสนุนจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และภาคเอกชนเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงเทพ ซีพี และบริษัทไปรษณีย์ไทย เป็นต้น ในส่วนของศูนย์เครือข่ายเกษตรกรของพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯที่ปัจจุบันมีอยู่ 120 แห่ง มีนโยบายจะขยายเพิ่มขึ้นโดยจะเชิญเครือข่ายเกษตรกรจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายกับพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เพื่อรองรับกับการจัดงานมหกรรมที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต จะมีการปรับปรุงฐานการเรียนรู้พิพิธภัณฑ์ในร่มและกลางแจ้ง การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการดำเนินงานของสำนักงานพิพิธภัณฑ์ฯ การจัดงานและการให้บริการของพิพิธภัณฑ์ การพัฒนาเรื่องการหารายได้ของพิพิธภัณฑ์
สำหรับแนวทางในการยกระดับพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตและสร้างชีวิตให้แก่ประชาชนและพี่น้องเกษตรกร จะนำการวิจัยมาพัฒนาโครงการต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้แบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิต การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ การจำหน่าย คล้ายๆ กับกิจกรรมของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงดำเนินงานในสวนจิตรลดา จะขอรับการสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เพื่อการวิจัยแบบมีส่วนร่วม ให้เครือข่ายร่วมคิดร่วมวิจัย จะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยต่างๆ
ปัจจุบันมีโครงการนำร่องอยู่ 3 โครงการ คือ โครงการปลูกและพัฒนาโรงงานแปรรูปอ้อยอินทรีย์ โครงการผลิตไอศกรีมไข่ผำ และโครงการ 1 ไร่ มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นต้น โดยหลังจากสิ้นสุดการวิจัยในปี 2569 คาดว่าจะได้ธุรกิจต้นแบบเกิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ที่ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางดำเนินงาน หลังจากนั้นจะมีการขยายแนวคิดไปสู่เกษตรกรในเครือข่ายเพื่อพัฒนาเป็นสินค้าชุมชนในโอกาสต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะสร้างเครือข่ายทายาทพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ อาสาสมัครพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้เรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตสินค้าของแต่ละชุมชน เพื่อที่ว่าในอนาคตพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ จะมีโครงการจัดงานมหกรรมในต่างจังหวัดร่วมกับทายาทและอาสาสมัครพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่เหล่านี้ เครือข่ายก็สามารถจำหน่ายสินค้าได้โดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์การเกษตร ซึ่งจะเป็นการขยายขอบข่ายการดำเนินงานและเผยแพร่ให้คนรู้จักพิพิธภัณฑ์การเกษตรมากยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี