หนุ่มจบเพาะช่างวัย 58 ปีที่หันมาเอาดีด้านศิลปะ ด้วยการทำผ้าปาเต๊ะย้อมโคลนทะเล ปักลูกปัดและเพ้นท์ลายผ้ารูปพะยูน ดอกศรีตรังและลวดลายอื่นๆ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มที่แต่ละผืนมีเพียงชิ้นเดียวในโลก จนได้รับโล่เชิดชูเกียรติ ”เพชรอันดามัน”ปี 61 โดยเปิดสอนแบบตัวต่อตัวพร้อมที่พักและอาหาร สร้างรายได้กว่า 60,000 ต่อเดือน

วันนี้ 16 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วังมรกต เลขที่ 172/9 หมู่ที่ 1 ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของนายฤทธิพงษ์ ฤทธิ์ท้วม หรือพี่ฤทธิ์ อายุ 58 ปี ซึ่งเรียนจบเพาะช่าง และชอบด้านงานศิลปะ จึงผันตัวมาเป็นครูสอนศิลปะตั้งแต่ปี 2536 โดยได้นำผ้าปาเต๊ะที่วางขายในท้องตลาดราคาผืนละไม่กี่บาท มาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการนำมาปักลูกปัด สอดดิ้นเงินดิ้นทอง และลงสีกากเพชร จนกลายเป็นผ้าปาเต๊ะยกดอกลายนูนที่สวยเด่น สง่างาม ขายราคาตั้งแต่ผืนละ 1,000-5,000 บาท ซึ่งใช้เวลาทำนานประมาณ 3-4 วัน ที่สำคัญคือแต่ละผืนจะมีลวดลายที่ไม่ซ้ำแบบกัน ทำให้มีเพียงชิ้นเดียวในโลกที่สวมใส่แล้วไม่ซ้ำกับใคร

โดยในปี 2560 พี่ฤทธิ์ได้เกิดไอเดียนำผ้าบาติก ผ้าฝ้ายและผ้าไหม มาหมักโคลนทะเลเป็นรายแรกใน จ.ตรัง หลังจากที่ไปเห็นตัวอย่างการหมักผ้าด้วยโคลนในลำคลองจากแถบภาคเหนือ ภาคอีสาน จึงนำมาประยุกต์ใช้กับโคลนทะเลใกล้บ้าน ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด เพราะได้สีสวยและความเค็มของเกลือทะเลช่วยทำให้ผ้านิ่ม ไม่แข็งกระด้าง สีไม่ตก สวยทนทุกผลิตภัณฑ์ เช่น หมวก กระเป๋า ผ้าคลุมไหล่ เสื้อ กระโปรงและกางเกง จนได้รับโล่เชิดชูเกียรติรางวัล”เพชรอันดามัน”ในปี 2561 จากมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต และได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป จ.ตรังในปี 2562 โดยได้ต่อยอดทำเสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าบาบ๋า ย่าหยา ผ้าพื้นเมืองของภาคใต้ออกจำหน่ายด้วย

โดยทุกชิ้นงานมีให้เลือกหลายหลายสีสัน ราคาขายเริ่มตั้งแต่ 250-3,000 บาท เน้นร่วมสมัยเพื่อให้ผู้สวมใส่ ใส่ได้ทุกโอกาสแบบไม่ตกยุค ซึ่งหมวก 1 ใบสามารถใส่ได้ทั้ง 2 ด้านมีให้เลือกหลายลวดลาย ราคาใบละ 250 บาท

นอกจากนี้ ยังมีการเพ้นท์ผ้าด้วยสีกากเพชร นำเข้าจากประเทศอเมริกาและอังกฤษ เพื่อให้ติดทนนาน สีสวยตลอดอายุการใช้งาน ส่วนผ้าบาติกลายดอกศรีตรังและลายพะยูน กำลังทำเพื่อวางจำหน่ายตามสถานที่ท่องเที่ยวและร้านของฝากของที่ระลึกต่าง ๆ ภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวจ.ตรัง แล้วได้เสื้อผ้าที่เป็นอัตลักษณ์ของ จ.ตรังกลับไป

โดยเมื่อปี 2567 พี่ฤทธิ์ได้เปิดบ้านที่ทำเป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ  สอนการปักลูกปัดผ้าปาเต๊ะ เพ้นท์สีกากเพชร ทำผ้ามัดย้อมและทำผ้าบาติกแบบตัวต่อตัว หรือแบบเป็นกลุ่มเล็ก ๆ มีทั้งแบบ 1 คืน 2 วันและแบบ 2 คืน 3 วันพร้อมอุปกรณ์ครบชุด ที่พักและอาหารราคาคนละ 7,500-9,500 บาท  ทำให้มีรายได้กว่า 60,000 บาทต่อเดือน ส่วนใครสนใจติดตามได้ทางเพจ/FB วังมรกต สิเกา ตรัง หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-6936724

ด้านนายฤทธิพงษ์ ฤทธิ์ท้วม ครูสอนศิลปะ กล่าวว่า ผ้าหมักโคลนทะเลเป็นสูตรที่ตนคิดค้นมาเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว เริ่มจากการอบรมการหมักผ้าโดยใช้สีหมักหลังจากนั้นจึงมีการหมักโคลนซ้ำด้วย แต่เป็นของเพื่อนทางภาคอีสานซึ่งได้ไปปรึกษากัน และคิดว่าผ้าหมักโคลนมีมานานเกือบ 100 ปีแล้ว แต่ทางเหนือหรืออีสานจะใช้โคลนตามคลองหรือตามทุ่งนา ตนจึงคิดว่าภาคใต้โคลนคลองไม่ค่อยมี แต่บ้านที่ตนอยู่คือใกล้ทะเล จึงมีแนวคิดว่าจะเอาโคลนที่อยู่ตามป่าโกงกางซึ่งมีความเค็มและเข้ากับผ้าบาติกซึ่งมีการฟิกซ์สีอยู่แล้ว มันจะช่วยให้สีอยู่นานขึ้น โคลนก็ช่วยให้ผ้านิ่มขึ้น จึงใช้วิธีหมักโคลนเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำผ้าบาติก โดยนำไปแช่น้ำโคลน 1 คืนแล้วนำมาซักล้างอีกครั้ง ราคาไม่ได้ต่างกันแค่เพิ่มค่าแรงกับค่าหมักเข้าไปเท่านั้น

ส่วนรายได้หมุนเวียน 30,000-40,000 บาทเฉพาะผ้าบางชนิด แต่ถ้ารวม ๆ กันหลายชนิดแล้วรายได้มากกว่า 60,000 บาทต่อเดือน ในส่วนของผ้าบาติกหรือผ้าเพ้นท์ของตนมีแนวคิดว่าอยากทำเป็นอัตลักษณ์ส่วนหนึ่งคือทำเป็นพะยูนหรือดอกศรีตรัง ส่วนเอกลักษณ์ของร้านคือการทำผ้าชิ้นเดียวในโลกโดยการเอาผ้ามาทำสีไม่เหมือนกัน ไม่ได้ทำเป็นล็อต ทำเป็นชิ้นๆ ซึ่งใครอยากหาผ้าที่ไม่เหมือนใครก็มีให้เลือกที่นี่ ส่วนลูกค้าที่อยากเรียนแบบเจาะลึก เรียนแบบส่วนตัวหรือให้ไปสอนเป็นกรุ๊ปเล็ก ๆ ก็มี แต่ถ้าใครเดินทางมาเรียนที่วังมรกตที่ตรัง มีอยู่เดือนละคู่หรือ 1-2 คนส่วนมากเดินทางมาจากต่างจังหวัด จะมีที่พักและอาหารให้ ราคา 1 คืนค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 7,500 บาท

ในอนาคตข้างหน้าไม่เกิน 3-4 เดือนนี้เราจะมีสินค้าที่เป็นอัตลักษณ์ตรังคือลายพะยูนที่เป็นเอกลักษณ์ จะไปวางขายตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์ตั้งแต่กระเป๋า ผ้าพันคอ หมวก เสื้อ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ใครมาตรังต้องมีเสื้อลายพะยูนหรือดอกศรีตรัง.