ในโอกาสครบรอบ 119 ปี ชาตกาล “ท่านพ่อลี”หรือ“พระสุทธิธรรมรังษีคัมภีรเมธาจารย์” พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า ผู้สร้างวัดอโศการาม ใน พ.ศ.2568 นี้ “แนวหน้า ออนไลน์” นำประวัติทองค์ท่านมาพอสังเขป เพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณขององค์ท่านดังนี้
ท่านพ่อลีมีนามเดิมว่า ชาลี นามสกุล นารีวงศ์ บิดาชื่อ นายปาว นารีวงศ์ และ มารดาชื่อ นางพ่วย นารีวงศ์ โดยองค์ท่านถือกำเนิดในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ.2449 เวลา 21.00 น. เดือนยี่ แรม 2 ค่ำ ปีมะเมีย ที่บ้านหนองสองห้อง ตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี และองค์ท่านมรณภาพอย่างสงบ ในวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2504
เมื่อโยมแม่ท่านออกไฟได้ 3 วัน ท่านเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคบนศรีษะ ไม่ยอมกินไม่ยอมนอนเป็นเวลาหลายวัน โดยท่านพ่อลีเคยเมตตาเล่าให้ศิษยานุศิษย์ฟังดังนี้
“อันโรคเจ็บปวดบนศรีษะที่เป็นมาแต่กำเนิดนั้น เป็นบุพรกรรมตั้งแต่อดีตชาติที่เคยพรากชีวิตสัตว์ไว้”
มีความเชื่อกันโดยอัตโนมัติด้วยความเป็นลูกศิษย์ในองค์ท่านพ่อลีว่า องค์ท่านมีอดีตชาติคือพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่รบได้ชัยชนะมาทั้ง 4 ทิศ แต่พระเจ้าอโศกมหาราช ได้สร้างกรรมหนักคือการฆ่ามนุษย์ ทรมานนักโทษด้วยเครื่องบีบศรีษะ และเครื่องทรมานอื่นๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในสงครามการรบ แต่การได้ชัยชนะเหล่านั้นกลับเป็นการสร้างเวรกรรมที่ไม่มีวันจบสิ้น ส่งผลให้ชาติปัจจุบัน ท่านพ่อลีมีอาการปวดศรีษะและอายุสั้น เพราะได้สังหารมนุษย์ไว้มากมายในภพชาติที่เป็นกษัตริย์
ในปีพุทธศักราช 2469 เดือนอ้ายข้างแรม เวลาบ่ายโมง ท่านพ่อลีออกเดินทางจากวัดบ้านหนองสองห้อง โดยมีโยมพ่อสะพายบาตรออกไปส่งถึงกลางทุ่งนา เดินมุ่งหน้าไปสู่จังหวัอุบลราชธานี และ ระหว่างทางได้ทราบข่าวว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต พักอยู่ที่บ้านกุดลาด ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ท่านพ่อลีออกเดินทางไปเพื่อพบพระอาจารย์มั่นที่นั่น แต่ก็ไม่พบ เพราะพระอาจารย์เดินทางไปที่วัดบูรพาราม ในตัวจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว วันต่อมาท่านพ่อลีจึงเดินทางไปยังวัดบูรพาราม และได้มีโอกาสพบกับพระอาจารย์มั่น และได้กราบขอเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์มั่นที่วัดบูรพารามโดยเบื้องต้นในเวลานั้นพระอาจารย์มั่นสอนให้ท่านพ่อลี ภาวนาคำว่า พุทโธ เพียงคำเดียวเท่านั้น
วันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2470 ท่านพ่อลี ได้ทำการบวชญัตติใหม่พร้อมกับพระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ ที่วัดบูรพาราม อำเภอเมือง จังหวัอุบลราชธานี โดยพระอาจารย์กงมาเป็นนาคขวา สวดญัตติก่อน ท่านพ่อลี เป็นนาคซ้ายสวดญัตติเป็นลำดับต่อมา ซึ่งในขณะนั้นพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต เป็นพระอาจารย์ผู้ให้ไตรสรณคมน์และศีล พระปัญญาพิศาลเถร(หนู ฐิตปญฺโญ) วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเพ็ง วัดใต้ (วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ) จังหวัอุบลราชธานี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า ธมฺมธโร แปลว่า ผู้ทรงธรรม
สำหรับประวัติท่านพ่อลีนั้นเรียกว่า มีเรื่องราวอีกมากที่คนทั่วไปยังไม่ทราบโดยเฉพาะด้านพุทธคุณ ธัมมคุณ และ สังฆคุณ ทีทำให้ผู้คนจำนวนมากศรัทธาองค์ท่านพ่อลี ธมฺมธโร ซึ่งการละสังขารของท่านเมื่อ 64 ปีที่แล้ว ได้ยังความเสียใจให้แก่พระพุทธศาสนิกชนเพราะเป็นการสูญเสียครูอาจารย์ในวงพระกัมมัฏฐาน และสูญเสียนักรบแห่งธรรมที่ยิ่งใหญ่ไปอีกหนึ่งรูป
ปิดท้ายด้วยลิขิตธรรม ปลงสังขาร ของพระราชมงคลวชิรานุวัฒน์ หรือ หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน หนึ่งในศิษย์ขององค์ท่านพ่อลี เพื่อไว้เป็นคติสอนใจ ดังนี้
ถึงคราวตาย ร้ายหรือดี หนีไม่พ้น
ต่างแต่คน มีบุญหลาย ได้ขึ้นสวรรค์
คนใจต่ำ ด้วยบาปกรรม ลงโลกันต์
ผู้รู้ทัน หมั่นเว้นชั่ว ไม่กลัวตาย
ชีวิตนี้เป็นที่อยู่ เพียงครู่ยาม
หมั่นทำตาม พระธรรมไว้ ไม่มีสาย
กฎแห่งกรรม ย้ำเหตุผล ทั้งต้นปลาย
พึงขวนขวาย ด้วยภาวนา ปัญญาญาณฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี