นครพนมอัญเชิญ"พระอุปคุต"กลับสะดือทะเลหลังปกปักรักษาคุ้มครองงานนมัสการพระธาตุพนมครบ 9 วัน 9 คืน
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เมื่อเวลา 08.00 น.ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร พระอารามหลวง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระครูพนมปรีชากร หรือ คูบาไก่ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ ประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตกลับสู่สะดือทะเล ซึ่งเป็นสถานที่จำพรรษาของท่านตามคติความเชื่อมาแต่บรรพกาล โดยสมมติว่าริมแม่น้ำโขง บริเวณท่าเทียบเรือโดยสารข้ามฟากไทยลาว อ.ธาตุพนม เป็นสะดือทะเล โดยมี นายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนม น.อ.แมนรัตน์ บุญสวัสดิ์ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม (ผบ.นรข.เขตนครพนม) พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และศาสนิกชนชาวพุทธ ร่วมในพิธีดังกล่าว
ทั้งนี้ วัดพระธาตุพนมฯได้จัดงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ประจำปี 2568 ชาวอีสานเรียกงานนี้ว่าบุญเดือนสาม ระหว่างวันที่ 5-13 กุมภาพันธ์ (ขึ้น 8 ค่ำ-แรม 1 ค่ำ เดือน 3) รวม 9 วัน 9 คืน โดยก่อนเริ่มงานตามความเชื่อแต่โบราณ ต้องอัญเชิญพระอุปคุตจากสะดือทะเล ให้ขึ้นมาช่วยปกปักรักษาคุ้มครองงานให้ดำเนินไปด้วยดี อย่ามีอุปสรรคและสิ่งชั่วร้ายบังเกิดขึ้นในขณะทำบุญและการจัดงาน หลังจบงานนมัสการก็ต้องประกอบพิธีอัญเชิญท่านกลับไปยังสถานที่ท่านจำพรรษา
ตำนานพระมหาเถระอุปคุตผู้จำพรรษาที่สะดือทะเล เกิดในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช หรือหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 200 ปี เป็นพระอรหันต์ที่เปี่ยมด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ มักน้อยชอบสันโดษ จึงเนรมิตเรือนแก้วขึ้นในสะดือทะเล ลงไปจำพรรษาในที่นั้นตลอดอายุขัยของท่าน เมื่อพระเจ้าอโศกฯ ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูปเจดีย์ 84,000 องค์ โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่ทรงขุดหาจากเจดีย์ต่างๆ นำมารวมไว้ที่สถูปเจดีย์นี้
จากนั้นให้มีการฉลองสมโภช 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เพื่อให้การฉลองสมโภชเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ที่ทรงอิทธิฤทธิ์มาคุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนของพวกมารร้ายต่างๆ โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดสามารถเป็นผู้คุ้มครองงานได้ มีแต่พระอุปคุตเถระรูปเดียวเท่านั้น จึงตั้งพระตัวแทน 2 รูป ลงไปนิมนต์พระอุปคุตจากใต้สะดือทะเลขึ้นมาคุ้มครอง ซึ่งการอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นมาช่วยรักษาความสงบ ไม่ให้พญามารมารบกวนในครั้งกระนั้น กลายเป็นประเพณีปฏิบัติมาถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ในความเชื่อทางพุทธศาสนามีอยู่ว่า การทำบุญวันพระใหญ่ ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งตรงกับวันพุธ จะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น นั่นคือพระอุปคุตท่านจะออกมาบิณฑบาตโปรดสัตว์ หลังจากบำเพ็ญฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข ณ โลกใต้สมุทรภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนบัลลังก์ในค่ำคืนวันนั้น
โดยท่านจะแปลงกายเป็นสามเณร ออกจากสมาบัติขึ้นมาบิณฑบาตบนโลกมนุษย์ โปรดสัตว์ผู้ทุกข์ยาก นับจากนั้นมาชาวพุทธจึงนำมาซึ่งความเชื่อ เกิดเป็นประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน ตามวัดต่างๆ ในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ โดยได้ยึดถือปฏิบัติสืบมาหลายร้อยปี ซึ่งการตักบาตรในเวลาเที่ยงคืนกับพระสงฆ์ ที่สมมติว่าเป็นพระอุปคุต ว่ากันว่าหากใครได้ตักบาตร และอธิษฐานขอพรสิ่งใดไว้ จะสำเร็จผลโดยง่ายกว่าการอธิษฐานในเวลาปรกติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี