นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายถือเป็นหนึ่งนโยบายสำคัญ ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมายืนยันว่า กระทรวงคมนาคมกำลังศึกษาแนวทางการดำเนินการและเชื่อว่าสามารถเริ่มใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครบทุกสี-ทุกสายภายในกันยายน 2568 แน่นอน
นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม กล่าวย้ำเช่นกันว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดการที่ประกาศไว้ โดยขณะนี้ได้ผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตั๋วร่วม เข้ารับการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจะทำให้เกิดนโยบายค่าโดยสารร่วมกันโดยคาดว่า กฎหมายตั๋วร่วมผ่านการพิจารณาสภาผู้แทนราษฎร และบังคับใช้ได้ทันเดือนกันยายน 2568
“เราก็ใช้เรื่อง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมเข้ามากำหนดราคาค่าโดยสารร่วมและจะไม่มีเรื่องของค่าแรกเข้า เพราะประชาชนเข้ามาแล้วออกตรงไหน ใช้รถไฟฟ้าสายอะไรก็จะ 20 บาทตลอดสายทันที”
นายกฤชนนท์กล่าวว่า ในเดือนกันยายนเมื่อ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมออกมาบังคับใช้ ก็จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการต่างๆ ก็จะผลักดันให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ส่วนที่ หลายคนกังวลเรื่องงบประมาณว่านำเงินจากไหนมาใช้สนับสนุนนโยบาย ซึ่งในเรื่องนี้เราพบว่า ผลการดำเนินการนโยบาย 20 บาทตลอดสายกับรถไฟฟ้าสายสีแดง และสีม่วง ได้ผลออกมาดีมีคนใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถ้าประชาชนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นการอุดหนุนทางงบประมาณต่างๆ จะลดลง
“ที่ผ่านมา ผลการดำเนินการรถไฟฟ้า 20 บาทกับสายสีแดง และสีม่วงในเดือนตุลาคมปี 2566 จะเห็นว่าประชาชนใช้เพิ่มมากขึ้น จึงมีการคาดการณ์ว่าในอีก 2 ปีครึ่ง หรือ 3 ปี ก็จะสามารถคุ้มทุนได้ ทำให้เราเชื่อว่านโยบาย 20 บาททุกสีทุกสายสามารถทำได้”
อย่างไรก็ตามที่ ผ่านมา สภาผู้บริโภค จัดเวที เปิด พ.ร.บ. “ตั๋วร่วม” ความหวังผู้บริโภคบริการขนส่งมวลชนไม่เกินร้อยละ 10 ทั่วประเทศ โดยมี 12 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐ พรรคการเมือง และภาคเอกชน รวมถึงตัวแทนของผู้บริโภค เข้าร่วม
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะให้ทุกคนเข้าถึง ราคาเป็นธรรมมีค่าใช้จ่ายไม่เกินร้อยละ 10 ของค่าแรงขั้นต่ำโดยการพัฒนาดังกล่าวต้องเกิดขึ้นทั่วประเทศไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ที่ประชุมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พรรคการเมืองจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างเห็นร่วมกันในการมีประธานสภาองค์กรของผู้บริโภคเป็นคณะกรรมการนโยบายตั๋วร่วม จึงอยากให้ พ.ร.บ. ตั๋วร่วมเป็นเครื่องมือในการใช้บริการของผู้บริโภคที่สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมทุกระบบ
โดยสภาผู้บริโภคจะจัดทำข้อเสนอต่อร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาฯ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะและการคุ้มครองผู้บริโภค
สำหรับข้อเสนอสำคัญต่อร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ของสภาผู้บริโภค มีดังนี้
1. ยืนยันสิทธิการมีผู้แทนผู้บริโภค โดยกำหนดให้ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม เพื่อความเป็นธรรม ความเสมอภาค และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ และมีความเหมาะสมในฐานะผู้แทนผู้บริโภค
2. เพิ่มสัดส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกิน 5 คน และขอให้เพิ่มสัดส่วนผู้มีความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์ด้านการเงิน ด้านกฎหมาย ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกลุ่มผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะ (Public TransportationUser Group) เข้าเป็นคุณสมบัติเฉพาะของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้งเพิ่มเติม
3. กำหนดนิยามความหมาย “มาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม” ให้ชัดเจน เนื่องจากเป็นสาระสำคัญต่อการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะไทยในอนาคต
4. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารสูงสุด ค่าโดยสารร่วม โดยคำนึงถึงการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ ความเป็นธรรม ความเสมอภาค และการไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ
5. เพิ่มบทบาทหน้าที่ผู้ได้รับใบอนุญาตในการคุ้มครองผู้บริโภค รับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ
6.ยกเว้นอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะทุกราย เพื่อเป็นแรงจูงใจและสนับสนุนให้ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะเข้าให้บริการขนส่งในระบบตั๋วร่วมโดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการให้บริการและผลักภาระให้กับผู้บริโภค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี