วัดบ้านเค็งใหญ่ แม้จะเป็นวัดไม่โด่งดัง ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนมากนัก แต่ถือว่า เป็นวัดเก่าแก่ มีโบราณสถาน และวัตถุโบราณที่เก่าแก่ ควรค่าแก่การกราบไหว้บูชาและอนุรักษ์ยิ่ง
23 กุมภาพันธ์ 2568 วัดบ้านเค็งใหญ่ ต.เค็งใหญ่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ห่างจากตัวเมืองอำนาจเจริญด้านทิศใต้ ไปตามถนนชยางกูร (อำนาจ-อุบล สายหลัก) ประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงสามแยกเข้าถนนสายรองอีก 8 กิโลเมตร จะถึงหมู่บ้านเค็งใหญ่ ซึ่งวัดบ้านเค็งใหญ่ ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน บนเนื้อที่ 8 ไร่เศษ โดยมีเจ้าอาวาสวัดบ้านเค็งใหญ่ ดูแลพระสงฆ์ สามเณร แม่ชีไม่มี มรรคนายก 1 คน สังกัด มหานิกาย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2352 อายุ 206 ปี
สำหรับ วัดเค็งใหญ่ ถือว่าเป็นวัดที่โดดเด่นทางการศึกษา เนื่องจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม เปิดสอนเมื่อปี พ.ศ.2490 และมีหลักฐานปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า มีครูบาอาจารย์เคยพำนักจำพรรษาและศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วัดเค็งใหญ่แห่งนี้หลายรูป เช่น หลวงปู่แหวน สุจิณโน วัดดอยแม่ปัง จ.เชียงใหม่ หลังจากได้รับการบรรพชา เป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.2439 อายุ 9 ปี ถูกส่งไปเรียนมูลกัจจายน์ ที่วัดสร้างถ่อ อ.หัวตะพาน จ.อุบลราชธานี ปัจจุบัน อ.หัวตะพาน ขึ้นกับ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งสมัยก่อน จ.อุบลราชธานี มีสำนักเรียนทางสงฆ์ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังมาก เช่น สำนักเรียนบ้านไผ่ใหญ่ บ้านเค็งใหญ่ บ้านหนองหลัก บ้านสร้างถ่อ(ทั่วอีสานมี 15 จังหวัด) พระสงฆ์ที่ต้องการศึกษาหาความรู้ ต้องเรียนมูลกัจจายน์ ตามสำนักเรียนดังกล่าว เรียนจบหลักสูตร เรียกว่า เป็นปราชญ์ เพราะเป็นหลักสูตรที่เรียนยาก มีผู้เรียนสำเร็จน้อยมาก ต่อ มาสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวิชิรญาณวโรรส ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักสูตร ดังเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้การเรียนกัจจายน์ถูกลืมเลือน
หลวงปู่เทศก์ ธรรมรังสี หรือ พระอาจารย์นโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิดิษฏ์ แห่งวัดหินมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเมืองใหม่ จ.หนองคาย ได้ติดตามท่านเจ้าคุณพระญาณวิสิษฏ์ สนิทธิรีรจารย์ (พระอาจารย์สิงห์ ชนยคโม)รอนแรมไปในป่าเขาเป็นเวลาเดือนกว่าจึงมาถึงเมืองอุบลราชธานี หลวงปู่เทศก์ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระอาจารย์ลุย วัดบ้านเค็งใหญ่ เป็นพระอุปัชฌา จากนั้นได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ตอนอายุ 20 ปี และวันที่ 26 พ.ค.2466 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ.วัดสุทัศน์ อ.เมืองอุบลราชธานี โดยพระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌา พระมหาปิ่น ปณญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์
หลวงปู่ชา สุภทุโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลังจากที่หลวงปู่ชาอุปสมบทได้ 2 ปี ในปี พ.ศ.2484 ท่านได้ตัดสินใจออกแสวงหาความรู้ในต่างถิ่น โดยไปพำนักยังวัดสวนสวรรค์ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานีและไปเรียนหนังสือที่สำนักเรียน วัดโพธิ์ตาก วัดบ้านหนองหลัก ต.เหล่าบก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานีและวัดเค็งใหญ่ จ.อำนาจเจริญ ท่านได้ศึกษานักธรรมชั้นโท จนสอบนักธรรมชั้นโทได้ที่วัดแห่งนี้ ท่านจำพรรษาที่นี่ 2 พรรษา จึงย้ายกลับไปอยู่ที่วัดหนองหลัก ในปี พ.ศ.2486
นอกจากนี้ ยังมีหลวงปู่ธีร์ เขมจารี หรือ พระมงคลวราสารย์ วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม บ้านนาก้านเหลือง ต.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เคยเดินทางไปมาศึกษาภาษาบาลีไวยากรณ์ ที่วัดบ้านเค็งใหญ่ อ.หัวตะพาน อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี ในปี พ.ศ.2475 อีกด้วย
เจ้าอาวาสวัดบ้านเค็งใหญ่องค์ปัจจุบัน เป็นพระนักพัฒนา พระนักเทศน์ ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือศรัทธามาก ที่ผ่านมาได้เทศนาสั่งสอน ให้ความรู้แก่พุทธศาสกนิชน โดยเน้น เรื่อง การทำดี เป็นพลเมืองดีของประเทศ และให้ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก จะส่งผลให้การดำเนินชีวิตราบรื่นและมีแต่ความสุขตลอดไป
เมื่อฟังพระธรรมเทศนาจากเจ้าอาวาสวัดบ้านเค็งใหญ่ เพื่อนำไปปฏิบัติแล้ว ควรแวะชมศิลปะทางวัฒนธรรมโบราณเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เช่น อุโบสถ หรือชาวอีสานเรียกว่า สิม ขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 14 เมตร ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2368 อายุ 190 ปี นับว่าเป็นสิมที่เก่าแก่มากอีกแห่งหนึ่ง ภายในสิมจะพบเห็นภาพวาด ภาพเขียน เรียกว่า ประติมากรรมตามฝาผนัง เป็นการบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ดูแล้วมีความวิจิตรสวยงามาก ควรค่าแก่การอนุรักษ์และหาชมได้ยากยิ่ง
นอกจากนี้ ด้านทิศตะวันออก ใกล้กับกำแพงวัด จะพบเห็นโปงไม้แขวนอยู่ สูงจากพื้นดินราว 50 เซนติเมตร มีหลังคาครอบไว้ อายุประมาณ 200 ปี ใช้ตีเสียงดัง วิธีตีจะใช้ไม้กระทุ้งเป็นระยะๆ ตีเฉพาะตอนเช้า ก่อนพระออกบิณฑบาตจะต้องตีโปงไม้ก่อน เป็นสัญญาณให้ชาวบ้านได้เตรียมตัวใส่บาตรพระ สำหรับโปงไม้ วัดในชนบทยังมีให้เห็นและยังใช้ได้ดี แต่วัดในเมืองไม่มีแล้ว ตีระฆังแทน ซึ่งโปงไม้ ตั้งอยู่ใกล้กับหอระฆัง ว่ากันว่า ระฆังก็มีอายุกว่า 100 ปีเช่นกัน
ส่วนด้านหลังวัด ยังมีสระน้ำขนาดกลาง กำหนดให้เป็นเขตอภัยทาน ซึ่งพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญทั้งหลายจะนำปลามาปล่อยเป็นประจำ จึงมีปลาหลากหลายชนิดแหวกว่ายน้ำอยู่ในสระ เพื่อรออาหารจากผู้ใจบุญเข้ามาให้ทานอาหารนั่นเอง...
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี