‘สว.ไชยยงค์’ชี้ระเบิดต้อนรับ‘ทักษิณ’ เป็นฝีมือ‘บีอาร์เอ็น’ที่ไม่ต้อนรับเจ้าของวาทะ‘โจรกระจอก’กลับมาแก้ปัญหาไฟใต้
23 กุมภาพันธ์ 2568 นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยถึงเหตุระเบิดแสวงเครื่องที่เกิดขึ้นในสนามบินนราธิวาส ก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางมาถึงประมาณ 50 นาที ว่า ประเด็นที่ 1 เป็นการแสดงออกจาก “ขบวนการแบ่งแยกดินบีอาร์เอ็น” ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ และไม่ต้อนรับการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่บีอาร์เอ็น กล่าวหาว่าเป็นผู้จุดชนวนของไฟใต้ในครั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2547 นอกจากนี้นายทักษิณ ยังเป็นผู้ที่เรียกขบวนการบีอาร์เอ็นว่าเป็น “โจรกระจอก”
นายทักษิณ ยังเป็นผู้ยุบ ศอ.บต. และ พตท.43 และก่อนหน้านี้หลังจากที่นายทักษิณ เดินทางไปพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิบ นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย เพื่อขอความร่วมมือในการ ปราบปรามขบวนการบีอาร์เอ็น ที่มีฐานที่มั่นอยู่ในรัฐกลันตัน และรัฐตรังตานู ประเทศมาเลเซีย โฆษกบีอาร์เอ็นก็ออกมาข่มขู่ว่าหากมีการให้รัฐบาลมาเลเซียเข้ามากดดันบีอาร์เอ็น สถานการการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะรุนแรงมากขึ้น
นายไชยยงค์ กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการวางระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งนี้ บีอาร์เอ็นต้องการเพียงการแสดงถึง “สัญลักษณ์” ให้รู้ว่าไม่ต้องการให้นายทักษิณ มาเป็นผู้กำกับการดับไฟใต้ คาร์บอมบ์ลูกดังกล่าวจึงเป็นเพียงระเบิดขนาดเล็กที่ไม่มีสะเก็ดระเบิด ไม่ต้องการทำลายล้าง แต่ต้องการสื่อไปยังนายทักษิณ และรัฐบาลเท่านั้น
ประเด็นที่ 2 ระเบิดแสวงเครื่องที่เป็น “คาร์บอมบ์” สามารถหลุดรอดจากการตรวจของเจ้าหน้าที่ แสดงให้เห็นความหย่อนยาน ความบกพร่องของการท่าอากาศยาน และหน่วยงานความมั่นคง ที่มีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยที่ปล่อยให้รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งแนวร่วมบีอาร์เอ็นนำระเบิดแสวงเครื่องไปติดตั้งไว้ในขณะที่รถยนต์คันนี้จอดอยู่นอกพื้นที่ของท่าอากาศยาน ระเบิดที่แนวร่วมนำมาติดตั้งในรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ จึงเป็นระเบิดขนาดเล็กที่ต้องการให้เกิดเสียงดัง แต่ไม่ต้องการสร้างความเสียหาย จึงมีเพียงเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการหูอื้อ แน่นหน้าอก 4 ราย
“ถ้าแนวร่วมบีอาร์เอ็นติดตั้งระเบิดแสวงเครื่อง ที่มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม และมีการใส่สะเก็ดระเบิดอานุภาพทำลายล้าง จะทำให้รถยนต์ที่เป็นคาร์บอมบ์แหลกเป็นจุล และต้องมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ ล้มตาย หลายคน และต้องมีเจ้าหน้าที่ทั้งท่าอากาศยาน และ กอ.รมน.ภาค 4 ต้องกลายเป็นเป้าหมายในความสูญเสียที่เกิดขึ้น การวางระเบิดเพื่อต้อนรับนายทักษิณ และคณะ ในครั้งนี้ จึงเป็นการส่งเสียงเตือนให้อดีตนายกรัฐมนตรี ถอยจากการเข้ามาวุ่นวายในจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น” นายไชยยงค์ กล่าว
นายไชยยงค์ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 3 การเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยมีหมุดหมายที่โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง เพราะในปี 2547 ที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการจับกุมมะแซ อุเซ็ง อดีต เลขาธิการบีอาร์เอ็น เจ้าของแผนบันได 7 ขั้นได้ โดยยึดเอกสารได้ที่โรงเรียนแห่งนี้ พร้อมทั้งการออกหมายจับนายมะแซ อุเซ็ง ในข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร และแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นโรงเรียนแห่งนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ ที่เคยเป็นศูนย์รวมการแบ่งแยกดินแดน การนัดหมายพบปะกับผู้นำศาสนา ณ โรงเรียนสัมพันธ์วิทยาของนายทักษิณ จึงมีนัยทางการเมืองของการดับไฟใต้ในครั้งนี้
นายไชยยงค์ กล่าวว่า เช่นเดียวกับการเดินทางไปยังวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เนื่องจากวัดดังกล่าว เจ้าอาวาสซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของเจ้าคณะภาค 18 เป็นที่เคารพ ของชาวไทยพุทธ และมุสลิมในพื้นที่ เป็นศูนย์รวมของพี่น้องชาวไทยพุทธ การเดินทางมานมัสกา เจ้าอาวาส วัดประชุมชลธารา พบพบปะชาวไทยพุทธ จึงเป็นการได้คะแนนเสียงและได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่ค่อนข้างมาก
“ก่อนหน้าคณะของนายทักษิณ จะเดินทางมายัง จ.นราธิวาส ได้มีการวางระเบิดแสวงเครื่องหน้า ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งใน เขตเทศบาลบันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ทหารพราน ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 7 คน และ มีชาวบ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเป็นการแสดงออกของขบวนการบีอาร์เอ็น ที่มีต่อการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของอดีตนายกรัฐมนตรี และคณะ” นายไชยยงค์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี