ตร.แปดริ้วตามเจอตัว"พ่อ-แม่"วัยใสใจยักษ์ได้แล้ว หลังขับกระบะนำทารกแรกเกิดมาทิ้งซุ้มประตูวัดสมานรัตนาราม สารภาพยังไม่มีความพร้อมเลี้ยงดู-ตกเลือดไหลไม่หยุด อีกทั้งยังไม่กล้าบอกกับผู้ปกครองว่าแฟนสาวตั้งครรภ์

ความคืบหน้ากรณีพบเด็กทารกเพิ่งคลอดนำมาวางทิ้งไว้บริเวณซุ้มประตูวัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียลเป็นจำนวนมากนั้น โดยหลวงพ่อ ได้พาเด็กเพศชายไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายและแข็งแรงดี แต่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเนื่องจากร่างกายมีแผลจากการถูกมดกัด โดยตั้งชื่อให้ว่าน้อง 'มีบุญ' น้ำหนัก 2,990 โล หลังข่าวนี้ถูกแชร์ออกไปมีผู้สนใจอยากรับเลี้ยงเด็กทารกคนนี้เป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้มีผู้โทรมาขอ "น้องมีบุญ" ไปอุปการะเลี้ยงดูแลจำนวนมาก ขณะที่ทางเจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม ได้รับ"น้องมีบุญ"ไว้ในอุปถัมภ์เลี้ยงดูแลจนเติบใหญ่ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โทรมาไม่ขาดสาย! 'หลวงพ่อ'รับเป็นพ่ออุปถัมภ์ ทารกถูกวางทิ้งซุ้มประตูวัด)

ล่าสุด เฟชบุ๊ก Watsaman Rattanaram ได้โพสต์แจ้งความคืบหน้าว่า งานสืบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา จับกุมแล้ว หลังได้รับแจ้งจาก "พระราชวชิรประชานาถ “ เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม เหตุทอดทิ้งเด็กแรกเกิด ไว้ที่บริเวณซุ่มประตูวัดสมานรัตนาราม จนมีพลเมืองดีพบเห็นและนำตัวเด็กส่งมอบให้เจ้าอาวาสวัดสมานไว้ดูแลไปพลางก่อน

วันนี้ งานสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.เอกชลิต คำหริ่ง รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.เอกภพ สกุลสยมภู สว.สส.ฯ พร้อมกำลังชุดสืบสวนติดตามไล่กล้องวงจรปิดพร้อมพิสูจน์ทราบตัวผู้ก่อเหตุดังกล่าว จนสามารถจับกุมตัวพ่อของเด็กได้ที่ ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ในส่วนของแม่เด็กเข้าทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านโพธิ์ ยังไม่สามารถให้การได้

โดยเบื้องต้นจากการสอบถามพ่อของเด็ก ให้การว่า “ยังไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงบุตรของตน อีกทั้งยังไม่กล้าพูดคุยกับผู้ปกครองทราบว่าแฟนสาวของตนตั้งครรถ์ จึงตัดสินใจก่อเหตุในดังกล่าว” ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแม่วัยใสรายนี้ อายุ 20 ปี อยูู่ระหว่างการรักษาตัวเนื่องจากมีแผลฉีกขาดที่อวัยวะเพศ เลือดไหลไม่หยุด ส่วนฝ่ายชายอายุ 20 ปีเท่ากัน โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบเมือง สภ.ฉะเชิงเทรา สามารถควบคุมตัวไว้แล้วทั้ง 2 คน พร้อมรถกระบะคันที่นั่งมาก่อเหตุ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม

ขอบคุณข้อมูล เฟซบุ๊ก Watsaman Rattanaram