มีการรายงานเหตุผู้ต้องขังทำร้ายตัวเองภายในเรือนจำ เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยผู้เสียชีวิต คือ "พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล" หรือ "ผู้กำกับโจ้" อายุ 43 ปี ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ทีมข่าวเนวหน้าออนไลน์ จะพาไปย้อนคดี "ผู้กำกับโจ้" โดยจุดเริ่มต้นที่พลิกชีวิตได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ภายหลังตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ จับกุม "นายจิระพงษ์ ธนะพัฒน์" หรือ "มาวิน" พร้อมภรรยา ผู้ต้องหาคดียาเสพติด หลังตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 100,000 เม็ด ที่ จ.ชัยนาท
จากนั้นได้นำตัวมาที่ห้องทำงานชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์ และผู้กำกับโจ้ เดินทางมาร่วมสอบปากคำเพื่อขยายผล แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมเปิดเผย ผู้กำกับโจ้ จึงนำถุงดำมาคลุมหัว นายจิระพงษ์ เพื่อเค้นสอบ จนผู้ต้องหาขาดอากาศจนเสียชีวิต และมีการนำร่างของผู้ต้องหาส่งโรงพยาบาล และปล่อยตัวผู้หญิง โดยห้ามบอกเรื่องราวทั้งหมดกับผู้อื่น เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี
* วันที่ 24 ส.ค.64 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน นำคลิปเหตุการณ์มาโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยในคลิปกล้องวงจรปิดที่ห้องทำงานชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์ จะเห็นอย่างชัดเจนว่ามีตำรวจหลายนาย ได้ทรมานผู้ต้องหา โดยเฉพาะ ผู้กำกับโจ้ เป็นผู้ที่ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหา และทำร้ายร่างกาย กระทั่งผู้ต้องหาเสียชีวิต หลังจากที่คลิปดังกล่าวกลายเป็นกระแสดังในโลกโซเชียล สะเทือนวงการตำรวจ จนต่อมาศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้หมายจับ ผู้กำกับโจ้ กับพวกรวม 7 ราย
* วันที่ 26 ส.ค.64 ผู้กำกับโจ้ เดินทางเข้ามอบตัว ต่อ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 ที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี และนำตัวกลับไปยัง สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยในชั้นสอบสวน ผู้กำกับโจ้ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
* วันที่ 7 ส.ค.64 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้พื้นที่โอนสำนวนคดีทั้งหมดให้กองปราบปราม
* วันที่ 3 พ.ย.64 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางรอง (ผบช.ก.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม ส่งสำนวนสอบสวนคดีกว่า 7 แฟ้ม 2540 หน้า เห็นควรสั่งฟ้อง "ผู้กำกับโจ้ กับลูกน้อง" ในฐานความผิด 4 ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต่ออัยการ
* วันที่ 15 พ.ย.64 นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกฯ และนายวรินทร สาสนัส รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ร่วมแถลงข่าว สั่งฟ้องคดีทั้ง 4 ข้อหากับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กับพวกรวม 7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว
* วันที่ 19 พ.ย.64 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสอบคำให้การ ผกก.โจ้ พร้อมพวก 7 คน ในคดีทำร้ายผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิต ซึ่ง อดีตผู้กำกับโจ้ และพวก ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำ โดย ผกก.โจ้ รับสารภาพข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ, ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ปฏิเสธข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน อ้างไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ต้องการเค้นข้อมูลขยายผล การจับกุมยาเสพติด
* วันที่ 8 มิ.ย.65 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ได้นัดฟังคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.180/2564 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต 3 เป็นโจทก์ น.ส.จันทร์จิรา ธนะพัฒน์ โจทก์ร่วมที่ 1 นายจักรกฤษณ์ กลั่นดี โจทก์ร่วมที่ 2 ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรค์ กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-7 ศาลมีคำพิพากษาว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยทรมานหรือโดยกระทำ ทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ลงโทษประหารชีวิต
แต่จำเลยนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง หลังเกิดเหตุจําเลยทั้งเจ็ด พยายามช่วยเหลือผู้ตายโดยช่วยปั๊มหัวใจผู้ตาย และรีบนำตัวผู้ตาย ส่งโรงพยาบาล จนแพทย์ช่วยรักษาผู้ตายมีสัญญาณชีพและหัวใจกลับมาเต้น ก่อนที่ผู้ตายจะถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา มีการช่วยค่าปลงศพผู้ตายเป็นเงิน 30,000 บาท และวางเงินบรรเทาผลร้ายให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสองคนละ 300,000 บาท นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
ทั้งนี้ พบว่าในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.65 มีการนัดหมายส่งสำเนาอุทธรณ์ แต่วันที่ 8 มี.ค.68 พ.ต.อ.ธิติสรรค์ได้เสียชีวิตดังกล่าว
ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิต และขอยืนยันว่า ไม่มีเจ้าพนักงานเรือนจำหรือผู้ต้องขังรายใดทำร้าย ข.ช.ธิติสรรค์ฯ และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้ต้องขัง ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ปรากฏโดยทันที และขอเรียนว่า เรือนจำฯ ได้ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัดโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) และการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (ข้อกำหนด แมนเดลา) เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ต้องขังทุกคน
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี