อุทัยฯเปิดเทศกาลควายไทยครั้งที่ 13 มีการประมูลซื้อควาย ซื้อขายในงานไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน โดยมีพ่อเลี้ยงเจ ทีเคยสร้างความฮือฮาซื้อควายเผือกแพงสุด 18 ล้านที่ผ่านมา ฮือฮาควายแคระพกปืน 2 กระบอกเข้ามาในงานประกวด โดยมีควายทั่วประเทศเข้ารวมงานไม่ต่ำกว่า 500 ตัว
16 มีนาคม 2568 เมื่อ10.00 น. ที่บริเวณแก้มลิงเขื่อนวังร่มเกล้า จ.อุทัยธานี น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน เทศกาลควายไทยอุทัยธานีครั้งที่ 13 ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 15--16 มีนาคม 2568
โดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีกล่าวต้อนรับ และมีนายชรินทร์ ไชยะ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนายกฤษฎา ซักเซ็ค นายกสมาคมพัฒนาพันธุ์ควายไทย, ปศุสัตว์จังหวัดอุทัยธานี, หัวหน้าส่วนราชการ, กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควาย และประชาชน ร่วมงานจำนวนมาก
ภายในงานจัดให้มีการประกวดกระบือลุ่มน้ำสะแกกรัง 16 รุ่น (เฉพาะกระบือในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี) และประกวดกระบือรุ่นทั่วไป 16 รุ่น แบ่งประเภท รุ่นฟันแท้ เพศผู้เผือก/เพศเมียเผือก, รุ่นฟันน้ำนม เพศผู้เผือก/เพศเมียเผือก ความสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร และรุ่นฟันแท้ เพศผู้ดำ/เพศเมียดำ และรุ่นฟันน้ำนม เพศผู้ดำ/เพศเมียดำ ความสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร พร้อมการประกวดกระบือทั่วไป แกรนด์แชมป์ และการประกวดกระบือลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง แกรนด์แชมป์
จากการรายงานพบว่า การจัดงานเทศกาลควายไทยอุทัยธานีนั้น สามารถช่วยกระตุ้นให้การซื้อขายกระบือใน จ.อุทัยธานี มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ทั้งในรูปแบบกระบือสวยงามและกระบือทั่วไป รวมไปถึงการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์กระบือในพื้นที่อุทัยธานีให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ลูกกระบือที่เกิดมามีมูลค่าสูง
โดยข้อมูลจากการสำรวจข้อมูลเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือ จำนวนกระบือ ปริมาณผลผลิต และมูลค่ารวมของกระบือ ในปี 2567 พบว่ามีเกษตรกรผู้เลี้ยง จำนวน 3,051 ราย จำนวนกระบือ 35,150 ตัว ปริมาณผลผลิตรวม 11,235 ตัว มูลค่า รวม 424.14 ล้านบาท (กระบือสวยงาม 61 ล้านบาท กระบือทั่วไปมูลค่ากระบือทั่วไป 361.90 ล้านบาท)จึงถือว่า กระบือนั้นจัดเป็นสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญ 1 ใน 3 ของ จ.อุทัยธานี นอกจากข้าวและปลาแรด ส่งผลให้เกษตรกรหันมาสนใจในอาชีพการเลี้ยงกระบือมากขึ้น เพิ่มรายได้ เพิ่มองค์ความรู้ สร้างมูลค่าเพิ่มจากกระบือสวยงาม รวมทั้งพัฒนาพันธุ์กระบือให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย หลังจากนั้นได้มีการนำควายมาประมูล ภายในงาน โดยมีควาเพศผู้ชื่อเจ้าดอลลาร์ และควายเผือกภายในงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้มีการเปิดงานเทศกาลควายไทยอุทัยธานีครั้งที่ 13 อย่างเป็นทางการ ได้มีการซื้อขายควายกันภายในงานหลังจากนั้นพ่อเลี้ยงเจได้ซื้อควายเพศผู้ชื่อปูตินและชื่อไคจูน ซึ่งเป็นลูกของเจ้าคิงคองควายยักษ์ ของนินลนีย์ฟาร์มเขาใหญ่ ด้วยมูลค่าที่สูงถึงตัวละ 2 ล้านบาท จำนวน 2 ตัวเป็นเงิน 4 ล้าน
โดยเมื่อปีที่แล้วผ่านมาทางพ่อเลี้ยงเจ ที่ตกลงซื้อขายเจ้าโก้เมืองเพชร ควายเผือกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในงานเทศกาลควายปีที่ผ่ามา สร้างความฮือฮาให้กับวงการชาวควายในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นการซื้อขายควายที่แพงสุดในงานเทศกาลควายไทยอุทัยธานีในปีนี้อีกด้วย
โดยเจ้าของ พ่อเลี้ยงเจ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านั้นที่ตนเองเลือกซื้อ 'โก้ เมืองเพชร' ในราคา 18 ล้านบาทนั้น เพราะโก้นั้นถือเป็นควายเผือกที่มีความสวยงาม และสามารถสร้างมูลค่าในตัวเองได้สูงกว่าค่าตัวอย่างแน่นอน ค่าน้ำเชื้อของโก้นั้น สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 7-8 ล้านบาทต่อปีเป็นอย่างต่ำ หลายคนอาจจะมองว่าบ้าที่ซื้อควายราคาขนาดนี้ แต่ตนเชื่อว่าภายใน 5 ปีนี้ โก้จะสามารถสร้างเงินให้กับตนเองได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และในปีนี้ตนเองได้มาซื้อเจ้าปูตินและไคจู ซึ่งเป็นลูกของเจ้าคิงคองควายยักษ์ เพื่อไปนำเลี้ยงให้โตใหญ่เหมือนเจ้าคิงคอง ในอนาคตอย่างแน่นอน
จากนั้นได้มีการซื้อขายควายเจ้าปิ่นเงิน ราคา 750,000 บาทจากยิ่งยงฟารม์ สู้ นายฟารม์ และส่งมอบจ้าวมหานคร เวียงป่าเป้า เชียงราย ไปยังนายน้อยฟารม์ ลำลูกกา ปทุมธานี ในราคา 300,000 บาท
และในปีนี้แกรมแชมป์ ชิงถ้วยของกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ เพศผู้ ชื่อเมฆา ของฟาร์มพรวัชรีของกำนันชาคริต ฉายวัฒนา ต.หนองฉาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี เพศเมีย ชื่อมุกดา ของฟารม์ณัฐธิดาควายไทย ของนายชินวัฒน์ เชียงมูล ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี