วันที่ 18 มีนาคม 2568 หมอเจด-เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “หมอเจด” โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ก็ได้ออกมาพูดถึงคนไทยที่อายุน้อยกว่า 50 ปี เป็นมะเร็งมากกว่าทั่วโลก 2 เท่า เป็นเพราะอะไรมาฟังกัน.
หมอเจด ระบุข้อความว่า “เคยคิดกันไหมว่า ทำไมเดี๋ยวนี้เราถึงได้ยินข่าวคนอายุน้อยๆ เป็นมะเร็งกันเยอะขึ้น ซึ่งอันนี้ไม่ใช่แค่รู้สึกไปเองนะ จากข้อมูลของ Our World in Data ในปี 2021 พบว่าคนไทยอายุต่ำกว่า 50 ปี เป็นมะเร็งมากกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 2 เท่า อันนี้นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เพราะแต่ก่อนเราอาจจะคิดว่า มะเร็งเป็นเรื่องของคนอายุเยอะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันกำลังกลายเป็นโรคของวัยรุ่น และวัยทำงานไปแล้ว”
นอกจากนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คนไทยเสี่ยงมากกว่าคนทั่วโลก วันนี้มาดูกันครับว่า 5 ปัจจัย ที่ทำให้คนไทยอายุน้อยเป็นมะเร็งกันเยอะขึ้นมีอะไรบ้าง ซึ่งมีดังต่อไปนี้
1. อาหารและพฤติกรรมการกิน พูดถึงอาหารไทยแล้วมันน่าอร่อยใช่ไหม
อาหารที่เรากินกันทุกวันบางอย่างมี สารก่อมะเร็งแบบเน้นๆ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว เช่น หมูปิ้ง ไก่ย่าง เนื้อย่าง หมูกระทะ อะไรพวกนี้ถ้ามีรอยไหม้เกรียมเมื่อไหร่ ให้รู้ไว้เลยว่ามีสาร PAHs (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons) ที่ก่อให้เกิดมะเร็งไม่ใช่แค่นั้นนะ อาหารหมักดองที่คนไทยชอบ เช่น แหนม ปลาร้า ไส้กรอกอีสาน ล้วนมี ไนเตรต ไนไตรต์ ซึ่งเป็นสารกันเสียที่แปรสภาพเป็นสารก่อมะเร็งในร่างกาย
นอกจากนี้ ปลาร้าและอาหารหมักดอง ยังมีสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของมะเร็งตับ แล้วจะแก้ยังไงดีถ้าจะกินปิ้งย่างให้เลือกที่ไม่ไหม้เกรียม หรือเลี่ยงไปเลย อาทิ ลดอาหารหมักดอง และถ้าจะกินก็เลือกที่สะอาด ไม่ใส่สารกันเสียมาก และกินผักผลไม้เยอะๆ เพื่อช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย
2. มลพิษและสารพิษ
ถ้าใครอยู่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือเมืองใหญ่ๆ ต้องเจอกับปัญหา PM2.5 กันบ่อยๆ นะ ซึ่งมันไม่ได้มีผลแค่ทำให้เป็นภูมิแพ้หรือหายใจลำบากแต่ องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 คือ มันเล็กพอที่จะเข้าไปในปอดและเลือดเรา แล้วไปกระตุ้นให้เซลล์กลายพันธุ์ นอกจากนี้ เรายังต้องเจอกับสารเคมีจากยาฆ่าแมลง ที่ตกค้างในผักผลไม้ และโลหะหนักในอาหารทะเล เช่น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม ซึ่งพวกนี้จะสะสมในร่างกายเราไปเรื่อย ๆ และไปทำลายเซลล์จนกลายเป็นมะเร็ง
อีกทั้ง วิธีแก้ไขมีดังต่อไปนี้
1. ใส่หน้ากากกันฝุ่นเวลามี PM2.5 สูงๆ
2. ล้างผักผลไม้ให้สะอาด หรือเลือกแบบออร์แกนิกถ้าทำได้
3. ถ้ากินอาหารทะเล ควรเลือกจากแหล่งที่น่าเชื้อถือ
3.ไลฟ์สไตล์
ทำงานหนัก เครียดหนัก กินแย่ พักผ่อนน้อย คนยุคนี้ใช้ชีวิตหนักขึ้น ทำงานดึก พักผ่อนน้อย กินอะไรง่ายๆ ความเครียดสะสมเป็นตัวเร่งให้เซลล์ผิดปกติ เพราะไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิด ออกซิเดชัน (Oxidative stress) ซึ่งเป็นภาวะที่อนุมูลอิสระทำลายเซลล์ นอกจากนี้ พฤติกรรมดื่มหนัก สูบบุหรี่ หรือแม้แต่ดื่มน้ำไม่พอ ก็ส่งผลโดยตรงต่อการเกิดมะเร็ง เช่น แอลกอฮอล์ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งตับ และมะเร็งทางเดินอาหาร หรือ บุหรี่ มีสารก่อมะเร็งกว่า 70 ชนิด และทำให้เป็นมะเร็งปอด ช่องปาก และหลอดอาหาร หรือแม้น้ำน้อย ทำให้ของเสียตกค้างในร่างกาย เสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะและไต เพราะฉะนั้นทางแก้ คือ พยายามลดความเครียด นอนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ และหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรหาวิธีดูแลตัวเอง
4. พันธุกรรมและปัจจัยเสี่ยงที่เลี่ยงไม่ได้
ถ้าพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดเคยเป็นมะเร็งมาก่อน โอกาสที่เราจะเป็นมะเร็งก็สูงกว่าคนทั่วไป ยีนบางตัวมีผลทำให้ร่างกายของเรามีแนวโน้มที่จะกลายพันธุ์และเกิดมะเร็งได้ง่ายขึ้นตัวอย่างเช่น ยีน BRCA1 และ BRCA2 ที่เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมและรังไข่ ซึ่งยีนที่เกี่ยวกับการเผาผลาญสารพิษ ทำให้บางคนไวต่อสารก่อมะเร็งมากกว่าคนอื่น ลดความเสี่ยงได้ด้วย และถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ หรือออกกำลังกายและกินอาหาร ที่ช่วยลดความเสี่ยง เช่น ผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
5. การติดเชื้อที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
มะเร็งบางชนิดไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่มาจากการติดเชื้อเรื้อรัง เช่น ไวรัส HPV ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ช่องปาก และลำคอ หรือไวรัสตับอักเสบบี และซี เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งตับ อีกทั้ง แบคทีเรีย H. pylori ทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร
โดยวิธีแก้จะมีดังต่อไปนี้
1. ฉีดวัคซีนป้องกัน HPV และไวรัสตับอักเสบบี
2. ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV
3. ตรวจสุขภาพและหาเชื้อ H. pylori หากมีอาการปวดท้องเรื้อรัง
ถึงคนไทยจะเป็นมะเร็งกันเยอะ และมะเร็งจะฟังดูน่ากลัว แต่เราป้องกันได้ถ้ารู้จักดูแลตัวเอง เริ่มจากอาหาร ไลฟ์สไตล์ และการตรวจสุขภาพเป็นประจำไม่ต้องรอให้ร่างกายส่งสัญญาณเตือน เพราะมะเร็งส่วนใหญ่เมื่อรู้ตัวแล้วมักจะสายไป แค่ดูแลตัวเองวันนี้ ลดความเสี่ยงไปได้มากแล้ว
ขอบคุณข้อมูล : หมอเจด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี