คณะสงฆ์โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 11 เข้าศึกษา 'วัดพระเชตวันมหาวิหาร' ประเทศอินเดีย
“พระครูธีรธรรมปราโมทย์” (หลวงพ่อสำเริง ธมฺมธีโร) เจ้าอาวาส วัดดอยเทพนิมิต ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ ในฐานะประธาน “โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล ครั้งที่ 11” ได้นำคณะสงฆ์จาริกธรรมฯเดินทางมาศึกษา ณ วัดพระเชตวันมหาวิหาร เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2568 นับเป็นวันที่ 40 ของการเดินจาริกธรรมในประเทศอินเดีย
สำหรับ “วัดพระเชตวันมหาวิหาร” เป็นวัดที่สร้างโดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี โดยซื้อมาจากเจ้าเชต เจ้าชายแห่งราชวงศ์โกศลแห่งเมืองสาวัตถี
การสร้างวัดพระเชตวันมหาวิหารในครั้งนั้นใช้เงินไป 18 โกฏิ ใช้เงินในการฉลองวัดอีก 18 โกฏิ รวมที่ซื้อที่ดินด้วยเป็นเงิน 54 โกฏิ หรือ 540 ล้านบาท
ในวิกีพีเดียระบุว่า เดิมวัดเชตวันเป็นพระราชอุทยานสำหรับเสด็จประพาสของเจ้าเชต เจ้าชายในราชวงศ์โกศลแห่งเมืองสาวัตถี เป็นพระราชอุทยานร่มรื่นนอกตัวเมืองหลวง มีเนื้อที่ 80 ไร่ หรือราว 32 เอเคอร์
วัดเชตวันมหาวิหารมีอีกชื่อหนึ่งปรากฏในพระสูตรว่า "วัดพระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี" ที่เรียกเช่นนี้เพื่อให้ทราบว่าวัดนี้เป็นวัดที่อนาถบิณฑิกะสร้างถวายแต่ใช้ชื่อวัดของเจ้าของที่เดิม เพราะวัดแห่งนี้เดิมเป็นที่ของเจ้าเชต เจ้าของที่ดินในสมัยนั้น ซึ่งอนาถบิณฑิกะซื้อต่อมาด้วยราคาที่แพงมหาศาลถึง 18 โกฏิ โดยเจ้าเชตกำหนดให้นำเหรียญทองมาปูเต็มพื้นที่ ๆ ต้องการซื้อ และต้องใช้ชื่อวัดเป็นชื่อของเจ้าเชต โดยวัดแห่งนี้อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้สร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ สิ้นเงินไปอีก 36 โกฏิ จึงทำให้การสร้างวัดแห่งนี้มีราคาถึง 54 โกฏิ
พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับจำพรรษาและบำเพ็ญพุทธกิจที่วัดพระเชตวันมหาวิหารรวมถึง 19 พรรษา นับเป็นวัดที่พระพุทธองค์ประทับจำพรรษานานที่สุด เพราะสถานที่แห่งนี้สัปปายะต่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ด้วยเมืองสาวัตถีในครั้งพุทธนั้นเป็นเมืองที่มั่งคั่ง สงบ และมีการอุปถัมภ์บำรุงเป็นอย่างดีจากพระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองแคว้นโกศล รวมทั้งอนาถบิณฑิกเศรษฐี และ ประชาชนทั้งหลายยังหมั่นมาทำบุญที่วัดแห่งนี้
“วัดพระเชตวันมหาวิหาร” เป็นสถานที่เกิดเรื่องราวและพระสูตรสำคัญ ๆ ในพระพุทธศาสนามากมาย เช่น เรื่องของพระองคุลิมาล, นางปฏาจาราเถรี, พระนางกิสาโคตมีเถรี, การ ถวายอสทิสทาน (การให้ที่ไม่มีใครเสมอเหมือน), เรื่องพระพุทธองค์ทรงดูแลภิกษุไข้, พราหมณ์จูเฬกสาฏก, ทรงพยากรณ์สุบินนิมิต 16 ประการ, นางกาลียักษิณี, นางจิญมาณวิกา ถูกแผ่นดินสูบ, พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ เป็นต้น
ในส่วนพระสูตรนั้นมีจำนวนมาก ที่สำคัญ ๆ เช่น มหามงคลสูตร, ธชัคคสูตร, ทสธัมมสูตร, สาราณียธรรมสูตร, อหิราชสูตร, เมตตานสังสสูตร, คิริมานนทสูตร, ธัมมนิยามสูตร, อปัณณกสูตร, อนุตตริยสูตร, พลสูตร, มัคควิภังคสูตร, โลกธัมมสูตร, ทสนารถกรณธัมมสูตร, อัคคัปปทานสูตร, ปธานสูตร, อินทริยสูตร, อนริยสูตร และสัปปุริสธัมมสูตร โดยทั้งหมดทรงแสดง ณ วัดเชตวันแห่งนี้
วัดแห่งนี้นับว่าเป็นวัดอันเป็นฐานที่มั่นสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล และเป็นวัดที่พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษามากที่สุดถึง 19 พรรษา
ปัจจุบันวัดเชตวันมหาวิหารเหลือเพียงซากโบราณสถาน ได้รับการบูรณะจากทางราชการอินเดียเป็นอย่างดี ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำราปติ (Rapti) หรือแม่น้ำอจิรวดีในสมัยพุทธกาล โดยวัดเชตวันมหาวิหารยังตั้งอยู่บริเวณนอกกำแพงเมืองสาวัตถีไปทางทิศใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ ตำบลสะเหต (Saheth) รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย โดยในพื้นที่มีจุดสำคัญคือ คันธกุฎี หรือ พระมูลคันธกุฎี (Mulagandhakuti หมายถึง กุฎีที่มีกลิ่นหอม) เป็นชื่อเรียกสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ หรือ เรียกชื่อเต็มว่า "พระมูลคันธกุฎี" ในพุทธประวัติ เล่าว่าสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าทุกแห่งจะมีผู้นำของหอมนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นไม้หอม ดอกไม้หอมมาบูชาพระพุทธเจ้ามิได้ขาด
ในพื้นที่วัดพระเชตวันฯยังมีกุฎีของพระสีวลี และ พระสังกัจจายน์ รวมทั้งพื้นที่สำคัญคือ บริเวณต้นอานันทโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นโพธิ์ที่พระอานนท์นำเมล็ดโพธิ์มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธคยา โดยสันนิษฐานว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปลูกด้วยพระหัตถ์ของพระองค์
เมื่อใครที่มาถึง “วัดพระเชตวันมหาวิหาร” อาจสงสัยว่า เรื่องราวต่างๆมากมายในพระสูตร ทำไมปรากฎเหลือแต่ซากอิฐ แล้วทราบกันได้อย่างไรว่า ตรงไหนคือกุฏิของท่านใด ซึ่งมีการสันนิษฐานว่า ซากอิฐที่เห็นเป็นเพียงร่องรอยของบริเวณด้านบน หรือ หลังคาของวัดเท่านั้น ส่วนพื้นที่จริงสันนิษฐานว่าน่าจะลึกลงไปใต้พื้นดินอีกมาก
ก่อนหน้าที่พระสงฆ์ในโครงการจาริกธรรมฯจะเดินทางถึงเมืองสาวัตถี ได้เข้าพักจาริกธรรมยัง “วัดไทยสารนาถ” เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2568 ถึง ช่วงเช้าวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2568
ล่าสุดในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2568 คณะสงฆ์พร้อมด้วยอุบาสกและอุบาสิกากำลังเดินทางจาริกธรรมมุ่งหน้าไปยังประเทศเนปาล เพื่อไปจาริกธรรมยังลุมพินีสถาน สถานที่ประสูติ หนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน
ท่านสามารถร่วมทำบุญกับโครงการจาริกธรรมฯได้ ด้วยการร่วมเป็นกองทัพหนุน ทำบุญถวายภัตตาหาร น้ำปานะ ค่ายานพาหนะในการเดินทาง ถวายบริขารพระ (เช่น ผ้าต่างๆ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู และใบมีดโกน เป็นต้น) สามารถโอนเงิน ผ่าน ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 922-200865-0 ชื่อบัญชี กองทุนวัดดอยเทพนิมิตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี