“อุตสาหกรรมการบินเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว แต่ในขณะเดียวกันก็มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจมองข้าม ปัจจุบันองค์กรการบินระหว่างประเทศ ทั้ง องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(International Civil Aviation Organization : ICAO) และ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association:IATA) ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ส่งผลให้สายการบินทั่วโลกรวมถึงสายการบินไทยต้องปรับตัวและหามาตรการรองรับ”
ปวรรัตน์ สุภิมารส รักษาการคณบดีวิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADT) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวในงานสัมมนาและเสวนาเรื่อง “SDGs in Thailand Aviation Industry Forum : เส้นทางสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการบินของไทย” ซึ่งจัดโดย วิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADT) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับ ชมรมสถาบันการศึกษาและบุคลากรด้านการบินประเทศไทย (ชสบ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนหรือ SDGs และร่วมกันพัฒนาให้เติบโตควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดย ยงยุทธ ลุจินตานนท์ ผู้จัดการภูมิภาคประจำประเทศไทย ลาว และเมียนมา สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เปิดเผยว่า IATA กำลังเตรียมรับมือกับความท้าทายในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของภาคการบินภายในปี 2050
โดยมีบทบาทสำคัญ 3 ประการ คือ 1.การสร้างความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมการบิน ผู้ผลิต และภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย Net Zero ผ่านโปรแกรมต่างๆ ที่มี Road Map ชัดเจน 2.การให้ความรู้แก่ผู้โดยสาร สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) และความสำคัญของการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน และ 3.การสนับสนุนเทคโนโลยี โดย IATA ได้พัฒนาระบบและเทคโนโลยีต่างๆ เช่น One ID ที่ใช้เทคโนโลยี Biometric เพื่อยืนยันตัวตนและระบบ ONE Record สำหรับขนส่งสินค้า ซึ่งช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินท์ในกระบวนการให้บริการ
โดยตัวอย่างโครงการสำคัญที่เป็นรูปธรรมของ IATA มีดังต่อไปนี้ “SAF” ไทยเริ่มทดลองใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำในหลายสายการบิน โดย IATA สนับสนุนอุตสาหกรรมการบินไทยให้ยั่งยืนผ่านการทดลองบินด้วยน้ำมัน SAF เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตเชื้อเพลิงชั้นนำที่เริ่มผลิตและจำหน่าย SAF ตามแนวโน้มการบินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ONE Record” ยกระดับการขนส่งสินค้าทางอากาศด้วยดิจิทัล โดย Cathay Pacific Cargo ร่วมขับเคลื่อนมาตรฐานซัพพลายเชนสู่ระบบดิจิทัลในโครงการนำร่องของ IATA เพื่อบูรณาการข้อมูลชิปเมนท์บนแพลตฟอร์มเดียว เพิ่มความโปร่งใส ประสิทธิภาพ และลดการใช้กระดาษ มีเป้าหมายให้ใช้งานร่วมกันได้ภายใน 1 มกราคม 2026 และ “One ID” อนาคตของการเดินทางด้วยเทคโนโลยี Biometric ที่ IATA สนับสนุนให้สนามบินและสายการบินใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อลดความยุ่งยากของเอกสาร ผู้โดยสารสามารถยืนยันอัตลักษณ์ล่วงหน้าและเดินผ่านทุกด่านโดยไม่ต้องแสดงเอกสาร ช่วยให้การระบายคิวผู้โดยสารคล่องตัวขึ้น
“ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” การบรรลุเป้าหมาย Net Zero ไม่ใช่หน้าที่ของอุตสาหกรรมการบินหรือผู้ผลิตเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนดังนี้ “ผู้โดยสาร” ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการตระหนักถึงผลกระทบของการเดินทางต่อสิ่งแวดล้อม และยอมรับความเป็นไปได้ที่ราคาตั๋วเครื่องบินอาจสูงขึ้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินการด้าน Net Zero “สายการบิน” ต้องโปร่งใสในการบริหารจัดการรายได้เพิ่มเติมจากผู้โดยสาร เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาด้านความยั่งยืนอย่างแท้จริง
และ “ผู้ประกอบการ” ต้องเร่งพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดการปล่อยคาร์บอน และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภาครัฐ : มีบทบาทสำคัญในการออกนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจนและรวดเร็ว โดย IATA เสนอให้มี Single Command รวบรวมคณะกรรมการจากหลายหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านความยั่งยืนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม IATA มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับภาครัฐในหลายประเทศ ซึ่งสามารถนำมาเป็นแนวทางและตัวอย่างเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในประเทศไทย
“อนาคตของอุตสาหกรรมการบินในเอเชียแปซิฟิก” คาดการณ์ว่าระหว่างปี 2023-2043 การเติบโตของสายการบินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะอยู่ที่ 5.1% โดยจะมีผู้โดยสารเดินทางมาใช้บริการมากถึง 2,609 ล้านรายถือเป็นภูมิภาคที่มีผู้โดยสารเดินทางมากที่สุดในโลก เพื่อรองรับการเติบโตนี้อย่างยั่งยืน IATA เสนอ 5 กุญแจสำคัญที่ต้องดำเนินการเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจการบิน
ได้แก่ 1.Capacity การเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 2.Safety, Security & Operations การรักษามาตรฐานความปลอดภัยและการดำเนินงาน 3.Sustainability การพัฒนาอย่างยั่งยืน 4.Advocacy การสนับสนุนและผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม และ 5.Digital Transformationการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล
“มาตรการลดคาร์บอนและการจัดการขยะในอุตสาหกรรมการบิน” ในช่วงเสวนา หัวข้อ “การบินยั่งยืน :โอกาสและความท้าทายในอนาคต” ดำเนินรายการโดย น.อ.ดร.วีรชน นรานุต มีผู้แทนจากสายการบินชั้นนำของไทย ประกอบด้วย นายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน),นายวินธัส ดาโอะ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกอำนวยการบิน สายการบิน ไทย แอร์เอเชีย, กัปตันโสภณ พิฆเณศวร Flight Operation Director บริษัท Siam Land Flying
นายเกียรติศักดิ์ เทียนศิริยกานนท์ Quality Supervisor สายการบิน ไทย ไลอ้อน แอร์ และนางสาวณิชาภา ถิ่นพังงา ผู้จัดการแผนกบูรณาการความยั่งยืนองค์กร บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับมาตรการลดคาร์บอน 4 ด้านหลัก คือ 1.ปรับปรุงฝูงบินโดยเปลี่ยนเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า 2.ปรับใช้เส้นทางบินตรงเพื่อประหยัดเชื้อเพลิง 3.ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ที่ลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 20% และ 4.คัดแยกขยะจากทุกเที่ยวบิน เพื่อบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
พร้อมแปรรูปวัสดุรีไซเคิลเป็นอุปกรณ์สำหรับพนักงาน อาทิ สายคล้องบัตรและเครื่องแบบ รวมถึงการประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัลควบคุมปริมาณอาหารบนเครื่องลดการสูญเสียอาหาร อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายสำคัญ ได้แก่ ข้อจำกัดด้านมาตรฐานการรับรองคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย รวมถึงต้นทุนที่สูงในการดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะการใช้น้ำมัน SAF และยังมีความจำเป็นในการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อขอรับรองคาร์บอนเครดิตและดำเนินการด้านความยั่งยืน
“ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ” ผู้แทนจากสายการบินของไทยมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในการสนับสนุนการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน ดังนี้ 1.ภาครัฐควรมีนโยบายเชิงรุกในการส่งเสริมการใช้และผลิต SAF ในประเทศรวมถึงมาตรการลดภาษีนำเข้า SAF 2.ภาครัฐควรสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน 3.สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างสนามบินที่รองรับเทคโนโลยีสีเขียว และ 4.จัดตั้งกองทุนสนับสนุนด้านเงินทุนให้กับอุตสาหกรรมการบิน หรือให้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับสายการบินที่ดำเนินการลดคาร์บอน
การสัมมนาครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินของไทยสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนหรือ SDGs ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี