ได้มีโอกาสติดตามนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ "หมอบี ฑูตสื่อวิญญาณ" พร้อมชาวนาถะไปยังประเทศอินเดียและเนปาล ตั้งแต่วันที่ 9-16 มีนาคม 2568 โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง "โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดาอินเดีย-เนปาล ครั้งที่ 11" และ"ชาวนาถะ"
ภายใต้การนำของหมอบี ฑูตสื่อวิญญาณ นำชาวนาถะกว่า 50 ชีวิต ตะลุยแดนพุทธภูมิ เปรียบเสมือนนำกาลเวลาในอดีตมาพบปะเรื่องราวความสนใจของผู้คนในยุคปัจจุบัน ผ่านสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติและพระพุทธศาสนา "แนวหน้า ออนไลน์" จึงใช้ชื่อสกู๊ปชุดนี้ว่า สเปซ-ไทม์ แห่งมิติที่4 (Space -Time, 4 Dimension) โดยนำเสนอเป็น 4 ตอนด้วยกัน
ตอนที่ 1 พบกับ "ย้อนเวลาในป่าอิสิปตนมฤคทายนวัน" สารนาถ เมืองพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดียโดย "หมอบี ฑูตสื่อวิญญาณ" ในฐานะฑูตธรรมของโรงการจาริกธรรมฯปีที่ 11 ได้ย้อนเวลาเล่าถึงเมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ด้วยบุพรกรรมอะไร และ เหตุแห่งการเดินทางมาโปรดถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันแห่งนี้ ดังนี้
"ผู้ที่ไม่ได้มาก็ร่วมส่งปัจจัยเยอะแยะมากมายให้พระคุณเจ้าได้สำเร็จโครงการตามที่ได้คาดหวังไว้ ก็คาดหวังว่าพระคุณเจ้าทุกท่านก็จะมีปัญญาอันชอบที่ประกอบด้วยปัญญาเพื่อครูบาอาจารย์ทุกท่านจะได้เป็นที่พึ่งให้กับพวกเรา ฆราวาส ในกาลต่อๆไป พวกเราขอเป็นกำลังใจ และขอให้ท่านได้เป็นที่พึ่ง และเป็นกำลังใจในการสั่งสอนพวกเราในอนาคตข้างหน้า และเป็นที่พึ่งเป้นใบบุญให้กับพวกเราได้อย่างงดงาม พวกเราก็ขอฝากความหวังไว้กับพระคุณเจ้าทุกๆท่านที่ผ่านการเดินทางอันเหน็ดเหนื่อย และหลายๆท่านก็เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ผ่านมาเกือบครบทุกที่แล้ว ที่ได้เดินจาริกธรรมกันมา ก็หวังว่าจะได้รับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดา เพื่อนำมาเพื่อให้เราได้เข้าใจให้เกิดความความเชื่อความศรัทธาที่ประกอบไปด้วยปัญญาอย่างแท้จริง
อย่างที่หลวงพ่อท่านได้นำพาท่านร่วมสวดมนต์ธัมมจักรกัปวตนสูตรแล้ว หวังว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างศรัทธา อยู่ในสมาธิและประกอบด้วยปัญญา เราจะได้มีความเข้าใจว่า สิ่งแรกที่พระพุทธองค์ได้นำมาบอกกล่าวแก่ชาวโลกเรา ก็คือท่านได้มาถึงที่แห่งนี้ ได้บอกกับปัญจวัคคีย์ซึ่งได้เคยเจอกันแล้ว เคยได้อยู่ร่วมกันแล้วถึง 6 ปี แต่ได้เปลี่ยนแปลงวิถี เดิมตั้งแต่แรกได้ร่วมอดอาหารด้วยกัน ได้เริ่มทรมานร่างกายด้วยกันถึง 6 ปี แล้วท่านก็พบว่า ไม่ใช่หนทางแห่งการพ้นทุกข์ พอมาที่นี่ท่านก็เลยเปิดด้วยการพูด การเชิญชวน เป็นข้อสังเกตุของธัมมจักรกัปปวตนสูตร แบ่งเป็น 2 ตอน ใจความสำคัญ ในช่วงแรกในธัมมจักร ได้กล่าวถึงให้นึกดู เราเป็นพระสงฆ์ เราได้ปฏิบัติอัตตกิลมถานุโยคหรือเปล่า
ในครั้งสมัยพุทธกาล มีโยคีมากมายที่ปฏิบัติทรมานตน ทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็น แล้วเราเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ใจความที่ลึกไปกว่านั้นก็คือ การที่เราตั้งอภิปรัชญาในการถกถามเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น โลกนี้เกิดมาอย่างไร เกิดได้อย่างไร ต้นกำเนิดอยู่ที่ไหน จุดจบอยู่ที่ไหน คำถามที่เป็นอภิปรัชญาเหล่านี้ ล้วนเป็นอัตตกิลมถานุโยคทั้งสิ้น แม้กระทั่งเราเชื่อในสิ่งที่ไม่ควรจะเชื่อ การที่เราเชื่อว่าการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จะดลบันดาลให้เราประสบความสําเร็จในชีวิตได้ หรือพึ่งพาสิ่งต่างๆ ที่ไม่อาจประกอบด้วยเหตุและผล ไม่สามารถอธิบายได้ไม่สามารถหาคำตอบได้ เหล่านี้ล้วนเป็นอัตตกิลมถานุโยคทั้งสิ้น
ในอีกด้านฟากหนึ่ง ก็เป็นฟากที่ไม่สนใจโลกใด ไม่สนใจปฏิบัติศึกษา ใช้ชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆวันๆ เสพสุข จึงเรียกว่ากามสุขัลลิกานุโยคเป็นการอยู่อีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่เอาโลก ไม่สนใจโลก ทั้ง 2ฝั่งนี้ พระพุทธองค์ทำให้เห็นว่า ภิกษุทั้งหลายมันไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆเลย ที่ทำให้เกิดการพ้นทุกข์แต่อย่างใด แต่ทางสายกลาง คำว่ามัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งแปลตรงๆตัวว่า การตรงอยู่กับคความเป็นจริง เมื่อใดก็ตามเราตั้งจิตให้ตรงอยู่กับความเป็นจริง เวลาเราอยู่กับความเป็นจริงได้ในปัจจุบัน เราจะไม่โหยหาในอนาคต จะไม่กังวลในอดีต จะไม่มีพื้นที่ที่ไหนเลยที่ทำให้เราทุกข์ นี่เป็นพื้นที่ทั้งหลายที่ทำให้เราเห็นว่า การที่เรามีจิตตั้งตรงอยู่ในความเป็นจริง เราสามารถเจริญวิถีที่ทำให้เราพ้นจากทุกข์ได้ ซึ่งเรียกว่านิพพาน ประกอบไปด้วยมรรคมีองค์ 8
เมื่อไหร่ก็ตามเรามีความเห็นถูก มองตรงตามความเป็นจริง ความคิดเราจะถูก คำพูดเราจะชอบ การกระทำเราก็ชอบ การกระทำเราชอบ การกระทำที่ไม่มีผลกระทบไม่เบียดเบียนผู้อื่น การกระทำเราก็ชอบ สติเราก็ตั้งมั่นชอบ สมาธิเราจึงถูกต้อง ทั้งหลายนี้เป็นหนทางที่ถ้าเราปฏิบัติชอบ หนทางเราก็จะตรงกับความเป็นจริง เราอยู่ในทางมัชฌิมาปฏิปทา ทางที่ตรงกับความเป็นจริงเสมอ
ในช่วงวรรคที่สองก็แสดงให้เห็นว่า ความทุกข์มีอยู่จริง สภาวะที่มันบีบคั้น ไม่สามารถทำให้เราดำรงอยู่แบบเดิมได้ แม้กระทั่งนั่งก็ไม่สามารถนั่งท่าเดิมๆได้ ไม่ขยับก็ไม่ได้ หายใจเข้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ สภาวะต่างๆที่มันบีบคั้นทำให้เราไม่สามารถอยู่แบบเดิมได้ เราเรียกว่าทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ ที่มันเกิดขึ้น มันจะมีสาเหตุเสมอว่าเหตุใดทุกข์ ถ้าเราตั้งใจพิจารณาหาสาเหตุ เราจะรู้ว่าเหตุอันใดที่ทำให้เราทุกข์ พอเรารู้เหตุแห่งทุกข์แล้ว เราพอจะรู้หนทางในทางตรงกันข้ามว่า แบบไหน ชนิดไหน ที่เราเกิดความสว่างไสวและทำให้มันไม่เกิดทุกข์
และสุดท้ายวิธีการ วิธีทางทั้งหลายที่ทำให้เราไม่ทุกข์ก็ย้อนกลับไปในทางมรรคมีองค์ 8 ตั้งแต่เห็นถูก คิดถูก พูดถูก กระทำถูก อาชีพถูก หรือมีสภาวะที่มีปฏิกริยาตอบโต้สังคมอย่างถูกต้อง สติถูก สมาธิถูก ความเห็นถูกทั้งหลายเหล่านี้ก็จะทำให้เราเดินตามหนทางที่พระพุทธองค์บอกไว้วรรคหลังว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก นอกจากเราเข้าใจอริยสัจแล้ว เราต้องรู้ว่าความจริงอันประเสริฐนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เป็นคนก็ตาม เป็นพระสงฆ์ก็ตาม ไม่พระสงฆ์ก็ตาม สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็ตาม เทพก็ตาม เทวดาก็ตาม พรหมก็ตาม ถ้าได้เข้าใจฟังพระสัทธรรมนี้แล้ว จะไม่จำกัดกาล ไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดบุคคล เทพเทวดาฟังเรื่องนี้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ในวันนั้นก็ต่างอนุโมทนาสาธุ และเจริญในธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
ขออนุญาติเป็นกำลังใจอีกครั้งให้กับพระคุณเจ้าทั้งหลายได้เป็นเนื้อนาบุญอันงดงามของโลกใบนี้ ในฐานะตัวแทนของฆราวาสและคนไทยหลายๆคนที่ได้ร่วมบุญร่วมกุศลกันมา สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่หมุนวงล้อธัมมจักรให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ และพวกท่านทั้งหลายจะเป็นกำลังสำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบไป"
" หมอบี ฑูตสื่อวิญญาณ" ทิ้งท้ายเป็นกำลังใจแด่พระภิกษุทั้งชาวไทยและลาว พร้อมทั้งอุบาสกและอุบาสิกาที่เข้าร่วมโครงการจาริกธรรมฯตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 11 ซึ่งเป็นดั่งตัวแทนของฝ่ายฆราวาสที่ทำหน้าที่ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ที่จะให้พระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเจริญรุ่งเรืองถึงกาลเวลา 5,000 ปี
ตอนหน้าสกู๊ปชุด"สเปซ-ไทม์" มิติที่4 จะพาท่านผู้อ่านย้อนเวลาพาไปพบกับเรื่องราวของหญิงสาวชาวไทยลูกครึ่งออสซี ซึ่งพ่อกับแม่ของเธอตั้งใจให้เธอเป็นกำลังของพระพุทธศาสนาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เมื่อเธอลืมตาดูโลก จึงมาพร้อมกับชื่อ "นาลันทา" หรืออกเสียงว่า นาลันดา เพื่อให้เธอหวนกลับมายังมหาวิทยาลัยนาลันทา สถานที่สำคัญของพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี