"หลวงพ่อสำเริงฯ" ให้หลักธรรรมหน้าที่อุบาสกอุบาสิกาที่ดีควรทำอย่างไร ณ วัดนากาเดสช์ ประเทศเนปาล
"พระครูธีรธรรมปราโมทย์" หรือ "หลวงพ่อสำเริง ธมฺมธีโร" เจ้าอาวาสวัดดอยเทพนิมิต ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และในฐานะประธาน"โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดาอินเดีย-เนปาล" ครั้งที่ 11 ได้มอบประกาศนียบัตรแก่พระสงฆ์ไทยและลาวในโครงการจาริกธรรมฯ จำนวน 87 รูป ที่วัดนากาเดสช์ พุทธะ วิหาร (Nagadesh Buddha Vihar) เมืองปัคตะปูร์ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568ื
ส่วนในช่วงเช้าวันที่ 31มีนาคม 2568 ชาวชุมชนนากาเดสช์ เมืองปัคตะปูร์ได้ร่วมกันถวายภัตตาหารเช้าและเพล ก่อนที่คณะสงฆ์ในโครงการจาริกธรรมจะเดินทางกลับประเทศไทย หลังจากปักหลักจาริกธรรมในประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2568 รวมเป็นเวลา 55 วัน ตลอดระยะเวลาของโครงการจาริกธรรมฯ
"หลวงพ่อสำเริง ธมฺมธีโร" ในฐานะประธานโครงการจาริกธรรมฯได้ให้สัมโมทนียกถาในช่วงก่อนฉันภัตตาหารเพลของวันที่ 31มีนาคมที่ผ่านมา ดังนี้
"ที่นี่เมืองพญานาคแต่ไม่ค่อยมีพญานาค บ้านเราโยมที่นี่ไปบ้านเราเขาบอกว่า ไปเมืองไทยเห็นแต่พญานาคเต็มหมด บันไดโบสถ์และวิหารมีแต่พญานาค ในการที่ญาติโยมได้มาถวายอาหารให้เราอีกมื้อหนึ่งด้วยความศรัทธา การที่พระคุณเจ้าได้บวชได้ประพฤติปฏิบัติกัน เราไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่พี่น้อง เราอยู่คนละมุมเมือง คนละประเทศ แต่เรามีสายสัมพันธ์ด้วยอำนาจของธรรม ด้วยอำนาจของศีล ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นต้นบัญญัติต้นแบบของการดำเนินชีวิต ของความสงบ ของความร่มเย็น เขาเห็นคนยิ่งในหิมาลัย เป็นเมืองของนักพรต คนส่วนใหญ่ที่ออกจากบ้านเรือนกับนักบวชที่มีครอบครัวเหมือนทุกคน เราจะเห็นว่า
บ้านเราเข้าวัดก็เหลือแต่ผู้หญิงผู้ชายก็บวชกันซะหมด แต่พระคุณเจ้าลองน้อมที่บ้านเมืองนากาเดสช์ว่า เขามีศรัทธาที่ถึงพร้อม ทั้งผู้หญิงผู้ชาย แบ่งหน้าที่กันมา ใครว่างตอนไหนก็มากันตอนนั้น ทุกคนที่ขวนขวายเพื่อปรารถนาบุญ บุญที่เขาปรารถนาจากความประพฤติของพระคุณเจ้า เพราะพระคุณเจ้าปฏิบัติตามโอวาทของพระพุทธเจ้า ก็เรียกว่า เขาได้บุญจากความประพฤติ ความเป็นอยู่ของพระคุณเจ้า ที่ได้บอกแล้วว่า สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธที่อยู่บ้านครองเรือนก็ทำหน้าที่ของผู้ที่อยู่บ้านครองเรือน ขวนขวายในบุญของเขาชัดเจน แบ่งหน้าที่กันชัดเจน
แตกต่างจากบ้านเรา บ้านเราก็อาจจะมองว่า พระทำไมต้องเป็นแบบนี้่ พระทำไมต้องเป็นอย่างนี้ โดยลืมหน้าที่ของอุบาสก อุบาสิกา แต่โยมที่นี่เขาทำหน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาที่สมบูรณ์ วัดไหนพระคุณเจ้าที่เป็นเจ้าอาวาส หรือ จะเป็นเจ้าอาวาสในอนาคต ก็จะแต่งตั้งกรรมการวัดก็ต้องยึดหลักในส่วนของพระไตรปิฎก รูปแบบอย่างไร ก็รูปแบบอย่างนี้ รูปแบบอย่างที่เราเห็น หน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาผู้บำเพ็ญบารมี ผู้ขวนขวายในบุญ พร้อมให้ความสะดวกสบายพระคุณเจ้าทุกอย่าง นั่นแหละ หน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาและหน้าที่ของผู้คุ้มครองดูแลพระสงฆ์ ไม่ใช่พระสงฆ์ทำหน้าที่คุ้มครองดูแลอุบาสกอุบาสิกาอย่างเดียว
แต่เขาต้องดูแลคุณพระสงฆ์ด้วย และหน้าที่อุบาสกอุบาสิกาที่เราเห็นไม่มีข้อแม้กับพระสงฆ์ ขอให้พระสงฆ์ทำหน้าที่ของพระสงฆ์ ศึกษาธรรมเจริญภาวนา ต้องเจริญภาวนาด้วยน่ะ ไม่ใช่ศึกษาแต่แนวคำสอนแล้วเอาไปพูดสอนผู้อื่น แต่ตัวเองไม่ได้รับรสคำสอน คือไม่ได้ความสุขนั่นเอง แต่ถ้าเรามองให้เห็นให้ถึงให้เข้าใจว่า หน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาคือ หน้าที่คุ้มครองดูแลพระสงฆ์ ที่นี่โยมจะเห็นว่า โยมที่นี่จะไม่มีข้อแม้กับพระสงฆ์ พระสงฆ์ที่เดินไป เขาก็ต้องทำบุญทุกองค์ที่พระคุณเจ้าเห็นแล้วว่า นี่คือการทำหน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาที่สมบูรณ์ ถามว่าบ้านเราสมบูรณ์ไหม ก็สมบูรณ์เป็นบางหมู่บางคณะ
บางคณะก็ไม่สมบูรณ์ เกินเลยหน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาไป จนเป็นธรรมน่าสังเวชน่าสลดใจว่า ประเทศไทยสร้างวัดก็ต้องรายงานผลของรายได้ ผลของการใช้เงิน นั่นเป็นที่น่าสังเวชสลดใจตรงที่ว่า เราขาดการไว้วางใจซึ่งกันและกัน อุบาสกอุบาสิกาไม่ไว้วางใจพระ ทั้งๆที่พระก็อยู่กันในวัดแต่อุบาสกอุบาสิกาที่อยู่นอกวัด กลับมีความกังวลเรื่องของการใช้เงิน แต่ลืมไปว่านั่นคือการเกินเลยหน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาผู้ดูแลพระศาสนา ที่นี่เรามาดูที่นี่ เขาคุ้มครองดูแลทุกอย่างให้นักบวช
อย่างเกสา อโนมา เขามีหน้าที่สวดมนต์ ภาวนา เผยแพร่ธรรมคำสั่งสอน เรียกว่า นักบวชทำหน้าที่นักบวช ฆราวาสขวนขวายทำบุญของฆราวาส ที่ขวนขวายทำบุญคือเขาได้บุญ ได้บุญของฆราวาส เขาไม่ต้องการที่จะไปอบาย เขาเห็นนักบวช เขาก็มีความเคารพเพราะว่านักบวชสามารถสละทิ้งบ้านช่อง ทิ้งครอบครัว ทิ้งยศฐาบรรดาศักดิ์แบบโลกๆ แต่ว่าทางบ้านเราอาจจะมีแต่งตั้งกันบ้าง แต่นั่นก็เป็น เหมือนพญาช้างของพระราชา มันก็คือช้าง พระจะแต่งตั้งไปขนาดไหนก็คือพระ ก็คือนักบวชอยู่ดี แต่นี่ทางนี้เขาเห็นแล้ว เขาเกิดศรัทธาจากพระคุณเจ้า ได้เห็นพระคุณเจ้า เพราะศีล เพราะธรรม เพราะข้อปฏิบัติของพระคุณเจ้า ขออนุโมทนากับพระคุณเจ้าที่จะได้ร่วมกันให้พรกับญาติโยม"
ทั้งนี้ คณะสงฆ์พร้อมด้วยอุบาสกและอุบาสิกาที่เข้าร่วมโครงการจาริกธรรมฯ ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2568 และทำการกราบคุณของพระเดชพระคุณหลวงพ่อสำเริง ธมฺมธีโร และ ครูอาจารย์ฯที่ร่วมเป็นครูผู้อบรมให้แก่คณะสงฆ์ในโครงการจาริกธรรมฯ ก่อนแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่พระสงฆ์ยังวัดที่จำพรรษา เพื่อพัฒนาวัดและชุมชนต่อไป
(ขอบคุณบริษัทอะเมซิ่ง กรุ๊ป ทัวร์ ที่เอื้อเฟื้อการเดินทางไปทำข่าวยังประเทศเนปาล)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี