ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุคนร้ายวางยา “พลายคล้าว” ช้างของวังช้างอยุธยาแลเพนียด เสียชีวิตแล้วตัดงาไป เหตุเกิดที่บริเวณริมแม่น้ำลพบุรี ติดกับถนนสายสวนพริก-บ้านเกาะ หมู่ 6 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า นายลายทองเหรียญ มีพันธ์ เจ้าของวังช้างอยุธยาแลเพนียด พร้อมควาญช้างชาวต่างชาติ ได้ทำพิธีจุดธูปบอกกล่าวศาลปะกำ ที่บริเวณหมู่บ้านช้างเพนียดหลวง เมื่อเช้าวันที่12 กรกฎาคม ซึ่งควาญช้างเคารพกราบไหว้ โดยขอให้ติดตามจับกุมคนร้ายและงาของพลายคล้าว กลับคืบมาให้ได้โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับพิธีดังกล่าวนั้นมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ส่วนช้างงาที่มีอยู่ในหมู่บ้านช้าง กว่า 30 เชือก ควาญช้างได้นำกลับเข้ามาในหมู่บ้านช้าง ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายลอบกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก
นางมิเชล เรดี ควาญช้างชาวออสเตรเลีย ซึ่งมาอยู่ที่หมู่บ้านช้างกว่า 10 ปี กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เป็นเรื่องเลวร้ายมาก ตลอดเวลาที่อยู่ประเทศไทย อยู่กับช้างไทยได้โพสเรื่องราวต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊กให้ชาวต่างชาติหลายประเทศติดตามเรื่องราวของช้างไทย ส่วนการเสียชีวิตของช้างที่ถูกคนร้ายวางยาพิษฆ่าตัดงาหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นประณามการกระทำครั้งนี้จำนวนมาก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดจับกุมคนร้ายให้ได้
ส่วนความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัวควาญช้างที่ถูกไล่ออกมาสอบสวน ว่าเกี่ยวข้องกับการฆ่าช้างหรือไม่ เนื่องจากควาญคนดังกล่าวเคยแอบตัดงาช้างของวังช้างไป ก่อนจะถูกจับได้ ทางวังช้าง จึงถูกไล่ออก แต่การสอบสวนควาญช้างคนดังกล่าวปฎิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงได้ปล่อยตัวไป
ขณะที่ พ.ต.อ.มงคล วรุณโณ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้เรียกประชุมตำรวจฝ่ายสืบสวนเพื่อนำข้อมูลที่ได้กระจายกำลังกันลงพื้นที่ เพื่อสรุปแนวทางการติดตามคนร้าย โดยมุ่งเน้นไปที่ควาญช้างและคนงานที่ถูกไล่ออก ซึ่งมีการรวมตัวกันของกลุ่มฆ่าตัดงาช้างที่ตระเวนก่อเหตุในปางช้างต่างๆ ทั่วประเทศ มาวนเวียนอยู่แถวหมูบ้านช้างเพนียดหลวง ใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากความแค้นที่ถูกไล่ออก จึงมีการวางงานเพื่อฆ่าช้างเอางา หรือทำเพื่อหักหน้าเจ้าของวังช้าง
รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มพ่อค้างาช้าง ที่มีออร์เดอร์สั่งตรงเอาแต่งาช้างขนาดใหญ่ๆ เพื่อนำไปทำวัตถุมงคล เช่น กำไลสร้อยคอ ดังนั้นคนร้ายจึงเลือกเอาช้างงาที่มีความใหญ่ ทั้งที่บริเวณนั้นมีช้างงาที่ยาวกว่า 2 เมตรอยู่ แต่คนร้ายไม่เลือกที่จะเอางาช้างที่มีความยาว ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่กลุ่มที่รับงานฆ่าช้างเอางา
อีกด้านหนึ่ง นายออยสไตน์ สโตร์เคอร์เซน ประธานคณะกรรมการบริหารองค์กรอนุสัญญา ว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ “ไซเตส” กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมควบคุมตลาดค้างาช้างผิดกฎหมาย ดังนั้นทางไซเตส จึงขีดเส้นใต้ภายในเดือนสิงหาคมปี 2558 ให้ประเทศไทยแก้ปัยหาให้ได้ มิฉะนั้นจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตร โดยทางการไทยต้องสงรายงานให้ทางไซเตส ภายในเดือนมกราคม 2558 ว่ามีมาตรการใดเพิ่มเติมจากเดิม
ทั้งนี้ สำหรับมาตรการของไทยมีเพียงการลงทะเบียนผู้ค้า ผู้นำเข้า และคลังสินค้า ซึ่งทางไซเตส มองว่ายังไม่เพียงพอ และหากประเทศไทยถูกคว่ำบาตร จริง ก็จะไม่สามารถค้าพันธุ์พืชและสัตว์กว่า 35,000 ชนิด รวมทั้งกล้วยไม้และไม้มีค่าต่างๆ นอกจากนี้นักรณรงค์องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF ยังสนับสนุนให้ไซเตส ลงโทษไทยให้รุนแรงกว่านี้ เพราะตัวเลขการค้างาช้างผิดกฎหมายในไทยยังคงเพิ่มสูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี