เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พล.ต.พรชัย ดุริยพันธ์ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.เชียงราย นายทนงศักดิ์ ธรรมโม ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ป่าไม้ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าดำเนินคดีกับเจ้าของรีสอร์ทในพื้นที่บ้านดอยปู่ไข่ ม.13 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย 2 ราย ได้แก่ นายพลธนัตถ์ เครือธันยากร เจ้าของบ้านภูริตา เลขที่ 151/1 และนางวิภาดา อัตตาวุฒิ เจ้าของบ้านพลับพลาวิไล ตั้งอยู่ติดกันบนเนื้อที่แห่งละประมาณ 2 ไร่ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าตั้งอยู่กลางผืนป่าสงวนแห่งชาติ และสวนป่าเขตป่าดอยนางแล ป่าดอยยาว และป่าดอยพระบาท ไม่มีเอกสารรองรับ
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯที่บ้านปู่ไข่แล้วพบว่า มีรีสอร์ทลักษณะดังกล่าวปลูกอยู่ 11 แห่ง จึงได้ตรวจยึดและดำเนินคดีทันทีไปแล้ว 4 แห่ง แต่มีรีสอร์ท 5 แห่งที่อ้างว่ามีเอกสารการเช่าพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม.) วันที่ 30 มิถุนายน 2541 และวันที่ 11 พฤษภาคม 2542 ที่ให้ราษฎรทำกินในเขตป่า แต่ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ ตัดต้นไม้ ซื้อขาย ฯลฯ และเหลืออีก 2 แห่งคือ บ้านภูริตาและบ้านพลับพลาวิไล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มีเอกสารรองรับ จึงเข้าดำเนินคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินคดี ได้เชิญเจ้าของรีสอร์ททั้ง 2 รายไปพบ ปรากฎว่านายพลธนัตถ์ไม่ไป มีเพียงนายกุลพันธ์ ขันติวรยศ แสดงตัวเป็นคนดูแลรีสอร์ทดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้นายพลธนัตถ์ไปพบพ.ต.ท.ทวีชัย พรหมเพ็ชร สารวัตรเวร สภ.บ้านดู่ ไม่เช่นนั้นจะออกหมายเรียกและหมายจับตามขั้นตอน ส่วนนางวิภาดาเข้าพบและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรีสอร์ทั้ง 2 แห่งพบว่ารีสอร์ทบ้านภูริตานั้น สร้างเป็นอาคารคอนกรีตสองชั้น ดาดฟ้าเป็นลานชมทิวทัศน์ของขุนเขาและมีลานจอดรถกว้างขวาง โดยคนดูแลแจ้งว่าสร้างมาตั้งแต่ปี 2550 และขายให้นายพลธนัตถ์ แต่ปัจจุบันนายพลธนัตถ์ไม่ได้อาศัยอยู่ที่รีสอร์ทดังกล่าว ส่วนบ้านพลับพลาวิไลนั้นสร้างมา 7 ปี โดยนางวิภาดาอาศัยอยู่ตามลำพังมากว่า 3 ปีแล้ว
“กรณีดอยปู่ไข่หากรีสอร์ทแห่งใดไม่มีเอกสารรองรับ ก็ต้องรับสภาพว่าเข้าไปอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจริง ส่วนคนที่ตรวจพบมีเอกสารการเช่าพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม.) วันที่ 30 มิถุนายน 2541 และวันที่ 11 พฤษภาคม 2542 เจ้าหน้าที่ได้ส่งข้อมูลไปให้กรมป่าไม้พิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นบุคคลยากจนและยากไร้จริงหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ผู้ที่อ้างเป็นคนดูแลนั้นไม่ถือเป็นเจ้าของจะมารับหน้าแทนไม่ได้ เพราะชื่อก็ปรากฎชัดอยู่ว่าใครเป็นเจ้าของ และวันตรวจสอบครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ก็ระบุชัดว่าเป็นของใครด้วย” พล.ต.พรชัยกล่าว
และยืนยันว่าการเข้าตรวจสอบรีสอร์ท 11 แห่งบริเวณดอยปู่ไข่นั้น ปฎิบัติอย่างเป็นธรรม เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64 และ 66 ที่ให้ตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ยกเว้นผู้ยากจนและยากไร้ซึ่งอยู่อาศัยมานานแ ไม่ใช่นายทุนที่เข้าไปถือครองเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ อีกทั้ง มีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจสอบการบุกรุกป่าในหลายอำเภออย่างต่อเนื่อง เช่น บริเวณใกล้ภูชี้ฟ้า อ.เทิง ซึ่งพบการบุกรุกป่าเป็นบริเวณกว้าง ส่วนทั้งจ.เชียงรายคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10,000 ไร่ที่ถูกบุกรุก จึงขอเตือนประชาชนที่ไปซื้อที่ดินต่อกันให้ตรวจสอบการถือครองด้วย
วันเดียวกัน ที่อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 นำโดย พ.อ.สมหมาย บุษบา คณะทำงานด้านกฎหมาย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ลงตรวจสอบพื้นที่สาธารณะประโยชน์หนองแก้ว-หนองกุง ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนินฯ หลังรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีนายทุนบุกรุกที่ดินสาธารณะของทางราชการ เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวมานานกว่า 20 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบมีนายทุนเข้าบุกรุกและอ้างสิทธิ์ในที่ดินบริเวณดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 3,900 ไร่ กินพื้นที่ 4 ตำบล ใน 3 อำเภอของจ.นครราชสีมา ประกอบด้วย อ.เมือง อ.สูงเนินและอ.ปักธงชัย โดยทำประโยชน์จากที่ดินด้วยการปลูกไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลังและปลูกไม้สัก นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า ที่ดินสาธารณะประโยชน์ผืนนี้บางส่วนมีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน สค.1 นส.3 และ ส.ป.ก. 4-01 รวมแล้วเกือบ 1,000 ไร่
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินบริเวณดังกล่าว และพบกับนายวันวิษา เขียนวิมล อายุ 37 ปี คนงานรับจ้างปลูกอ้อยในที่ดินสาธารณะประโยชน์ผืนดังกล่าว กำลังฉีดพ่นยาฆ่าแมลง จึงแจ้งเตือนห้ามเข้ามาใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะประโยชน์อีก ต่อมาเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ยังพบนายวันวิษาเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวอีก จึงสั่งการให้ตำรวจเข้าจับกุม พร้อมยึดรถกระบะ 1 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ 1 คันและรถไถเล็กอีก 2 คัน และดำเนินคดีข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ
อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ทราบตัวนายทุนรายใหญ่ผู้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในจ.นครราชสีมา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งความดำเนินคดีกับนายทุนรายนี้แล้ว ข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทับพื้นที่สาธารณะประโยชน์จะส่งข้อมูลทั้งหมดให้ป.ป.ท.ดำเนินการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี