คุก10ปีลูกน้อง‘ป๋าลอ’
ศาลฎีกายืนคดีเพชรซาอุ
เชื่ออยู่ในขบวนการด้วย
ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ธันวาคม ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดียักยอกเพชรซาอุฯ หมายเลขดำ4903/2536 โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก พ.ต.อ.ประเสริฐ จันทราพิพัฒน์ อดีต ผกก.ตำรวจม้า กองบังคับการตำรวจสายตรวจ จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 10 ปี คดีนี้ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 2 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ , พ.ต.อ.ประเสริฐ จันทราพิพัฒน์ อดีต ผกก.ตำรวจม้า กองบังคับการตำรวจสายตรวจ (ยศขณะนั้น), พ.ต.ต.ธานี สีดอกบวบ อดีตสารวัตร กก.กาฬสินธุ์ (หลบหนีการดำเนินคดี) , ร.ต.อ.ฤทธิศาสตร์ แก้วเดช อดีต รองสว.สส. สภ.อ.บ้านตาก จ.ตาก, ด.ต.เท่ง ติ๊บปะละวงศ์ อดีตผบ.หมู่ สภ.อ.เถิน จ.ลำปาง , จ.ส.ต.สนิท กาวิชา อดีต ผบ.หมู่ สภ.อ.เถิน, จ.ส.ต.เสวก หรือ ส่วย กันทะมา อดีตตำรวจ ผ.5 กก.2 ป.และ นายสุรจิต หรือ แดงหงอก ชัยศิริ (เสียชีวิตเมื่อปี 2547)เป็นจำเลยที่ 1-8 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ , เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินจากผู้อื่นเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น, ร่วมกันเบียดบังยักยอกทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนเองโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 , 149 , 147 และความผิดอื่นๆอีกหลายข้อหา
โดยโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2536 ระบุความผิดพวกจำเลยสรุปว่า พวกจำเลยซึ่งเป็นคณะพนักงานสอบสวนสืบหาเครื่องเพชรมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ของเจ้าชายไฟซาล ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถูกนายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานไทยขโมยมาจากพระราชวังก่อนเดินทางกลับประเทศไทยและนำมาขายให้กับนายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ เสี่ยเจ้าของร้านเพชร “สันติมณี” ผู้ต้องหาคดีรับของโจร
โดยระหว่างสืบสวนสอบสวนคดีพวกจำเลยทั้งหมดได้เรียกรับเงินจากนายสันติ ผู้ต้องหาหลายครั้งจำนวน 3 ล้านบาทบ้าง , จำนวน 6.6 แสนบาทบ้าง และจำนวน 1.2 ล้านบาทบ้าง เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีรับของโจร และพวกจำเลยยังได้ร่วมกันยักยอกเพชรและทรัพย์สินของกลางหลายรายการ เช่น นาฬิกาข้อมือฝังเพชรยี่ห้อโชปาร์ด ,นาฬิกายี่ห้อบูเช่กิรอด ,อัญญมณีแดงรูปดอกลำดวน 5แฉก สร้อยเพชร สร้อยคอทองคำฝังเพชร จี้เพชร ต่างหู และอื่น ๆ ไปโดยมิชอบไม่นำส่งคืนให้กับพนักงานสอบสวน พวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยตลอด
คดีนี้ชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2549 โดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา .149 จำคุก 2 กระทงๆ ละ 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี จำเลยที่ 4 มีความผิดตาม มาตรา 147 จำคุก 7 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนและเป็นโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ไว้ 4 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2, 5, 6, 7 ให้ยกฟ้องเนื่องจากพยานโจทก์ยังไม่เพียงพอ และให้คืนทรัพย์สินของกลาง 9 รายการและเงินจำนวน 200,000 บาท แก่ผู้มีสิทธิ์ ต่อมาโจทก์-จำเลยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 55 โดยพิพากษายืนจำคุก พล.ต.ท.ชลอ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 20 ปี และพิพากษาแก้ในส่วนของ พ.ต.อ.ประเสริฐ จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ให้จำคุก 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 5, 6 และ 7 ผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบ มาตรา 83 จำคุกคนละ 7 ปี แต่จำเลยที่ 5 และ 6 นำเงินของกลางจำนวน 2 แสนบาทมาคืน ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 5 – 6 ไว้คนละ 4 ปี 8 เดือน นอกเหนือจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ต่อมา พ.ต.อ.ประเสริฐ จำเลยที่ 2 ยื่นฎีกาคนเดียว ขอให้ศาลฎีกายกฟ้องด้วย ส่วนจำเลยที่ 1 , 4-7 ไม่ยื่นฎีกาคดีจึงยุติในชั้นอุทธรณ์ โดยระหว่างฎีกาจำเลยที่ 2 คงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน จำคุก 10 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ในศาลชั้นต้นใช้เวลาสืบโจทก์-จำเลยนานกว่า13 ปี เนื่องจากเอกสารในคดีมีจำนวนมาก และต้องส่งประเด็นไปสืบตามศาลจังหวัดต่างๆ รวมทั้งการติดตามพยานในศาลอุทธรณ์อีก 6 ปี รวมเป็นเวลากว่า19 ปี โดยคดีนี้เป็นคดีแรกที่ยื่นฟ้องพล.ต.ท.ชลอ กับพวก ในสำนวนคดีเพชรซาอุฯ กระทั่งต่อมามีการยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ชลอ กับพวก ในคดีอุ้มฆ่านางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ภรรยาและบุตรชายของนายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ เสี่ยเจ้าของร้านเพชร “สันติมณี” ที่รับซื้อเพชรมาจาก นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ที่เป็นผู้ขโมยเพชรมาจากวังเจ้าชายไฟซาล ซึ่งคดีอุ้มฆ่า 2แม่ลูกศรีธนะขัณฑ์โดยนำศพทั้งสองไปไว้บนรถเบนซ์ ของผู้ตาย แล้วให้รถสิบล้อวิ่งทับ เพื่ออำพรางคดีให้เข้าใจกันว่าเป็นอุบัติเหตุนั้น คดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลฎีกาพิพากษาให้ประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ ส่วน นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ ศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกในความผิดฐานรับของโจร เป็นเวลา 3 ปี คดีสิ้นสุดแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ภายหลัง พล.ต.ท.ชลอ ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางบางขวางเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 56 หลังถูกจำคุกมานานกว่า 19 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเรือนจำฯได้เสนอพักการลงโทษให้กับ พล.ต.ท.ชลอ เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังที่มีคุณสมบัติเข้าเงื่อนไขพักการลงโทษ หลังจากการรับโทษจำคุกมาแล้วเกิน 2 ใน3 และยังเป็นผู้ต้องขังที่จัดอยู่ในกลุ่มนักโทษชรา มีอายุเกิน 70 ปี รวมทั้งมีอาการป่วยเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่ผ่านมาเรือนจำส่งตัว พล.ต.ท.ชลอ ออกไปผ่าตัดแต่อาการยังไม่ดีขึ้น แขนซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ การใช้ชีวิตในเรือนจำต้องมีเพื่อนผู้ต้องขังช่วยดูแล
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ชลอ ยังถูกถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2553 เนื่องจากต้องคำพิพากษาถึงที่สุดประหารชีวิตในคดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ โดยปัจจุบันพล.ต.ท ชลอ อายุ 72 ปี และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ ธัชพล เกิดเทศ” แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี