ป่า คือ ชีวิต คงเป็นประโยคที่ใช้ได้ดีเมื่อก้าวเข้ามาสู่หมู่บ้านห้วยน้ำกืน ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยคนในชุมชนอาศัยรวมกันอยู่ในหุบเขามีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,200 เมตร มนต์เสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และที่บอกว่าวิถีชีวิตหยุดนิ่ง ก็เห็นที่เมื่อได้ก้าวเข้ามา ณ ห้วยน้ำกืน จะไม่ได้ใช้มือถือ เพราะสัญญาณโทรศัพท์ไม่มี ไฟฟ้าจะใช้เป็นเวลา คือช่วงครึ่งวันเช้าเท่านั้น และนี่คงเป็นช่วงเวลาที่หยุดนิ่งอยู่กับวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างแท้จริง เหนือสิ่งอื่นใดที่เราจะได้สัมผัส คือ การรักษ์ป่า ของหมู่บ้านห้วยน้ำกืน ที่ถือว่าเป็นจุดแข็ง เพราะป่า คือ ความผูกพัน ที่อยู่คู่กับชุมชนห้วยน้ำกืนมาเนิ่นนานและยังเป็นจุดศูนย์รวมของการดำเนินชีวิตและการพึ่งพิงสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนแห่งนี้ โดยมีพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้อย่างงดงาม นั่นก็คือ การปลูกชา และการปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งที่นี่จะใช้หลักการปลูกใต้ร่มเงาของพื้นที่ป่าในการปลูก รวมถึงการทำเกษตรแบบผสมผสาน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่าให้ยั่งยืนจึงได้มีการจัดตั้งเครือข่ายชุมชนรักษ์ป่าลุ่มน้ำลาวขึ้นซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชนที่รวมตัวกันอนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำ ตั้งแต่ปี 2548 ปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วม 13 ชุมชน ใน 3 ตำบล คือ ต.แม่เจดีย์ใหม่ ต.แม่เจดีย์ ต.ป่างิ้ว อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ครอบคลุมพื้นที่ป่าต้นน้ำตามแนวเทือกเขาผีปันน้ำทั้งหมด 169,904 ไร่ ปัจจุบันมีสมาชิก 37,733 คน โดยเครือข่ายฯ มีแนวคิดในการช่วยกันดูแลและรักษาป่าต้นน้ำลาว ซึ่งมีโครงสร้างคณะกรรมการกลางเครือข่ายฯ และในแต่ละชุมชนได้มีโครงสร้างคณะกรรมการชุมชนละ 5 คน เพื่อเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเครือข่ายฯ โดยจะเน้นให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับคนเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อชุมชนเข้าใจการอยู่ร่วมกับป่า เข้าใจคำว่าอนุรักษ์ การบริหารจัดการก็ย่อมเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน
โดย คุณลัดดา กองเงิน ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนรักษ์ป่าลุ่มน้ำลาว ได้เล่าถึงการเข้ามาทำหน้าที่ดูแลว่า เราได้มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยทางเครือข่ายชุมชนรักษ์ป่าต้นน้ำแม่ลาวเอง มองเห็นถึงผลกระทบที่ส่งผลต่อชุมชน จึงรวมตัวกันเพื่อลุกขึ้นมาปกป้องผืนป่าต้นน้ำแม่ลาวทั้งหมด โดยนำเอาเทคนิคการให้ป่าอยู่คู่กับชุมชน คือ ใช้องค์ความรู้การจัดการ ดิน น้ำ ป่า โดยเริ่มต้นที่คน ตั้งแต่ผู้นำชุมชน ผู้สูงอายุ เยาวชน ทุกเพศทุกวัย พูดคุยแลกเปลี่ยนการทำงานแบบเชิงรุก เพื่อให้มองเห็นปัญหาและเข้าใจปัญหาของชุมชน วิเคราะห์สาเหตุที่เกิดขึ้น ร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหา
“ในส่วนของเครือข่ายมองว่าการอยู่รวมกันแบบสมดุลเป็นสิ่งจำเป็นป่าอยู่ได้ คนอยู่ได้มันถึงจะยั่งยืนแต่ถ้าเกิดคุณมองแค่ตัวเองว่าวันนี้เศรษฐกิจข้าวเต็มหม้ออย่างเดียวยังไงมันก็หมด ถ้าวันหนึ่งยังไม่ดูแลทรัพยากร เราก็ไม่เหลืออะไร ซึ่งต้องบอกว่าคนเราอยู่ด้วยการขาดน้ำไม่ได้ร่างกายเรา 70% โลกเรา 70% ชีวิตเราจะอยู่ได้ถ้าทรัพยากรน้ำป่าของเราสมบูรณ์”
โดยเมื่อไม่กี่วันมานี้บริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดงได้จัดโครงการกระทิงแดง สปิริต ในชื่อกิจกรรม รักษ์ป่าต้นน้ำ สู่วิถีความยั่งยืน ปี 2 ซึ่งเป็นโครงการที่อยากให้เห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ต้นน้ำ และทรัพยากรธรรมชาติ ทางบริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดงจึงร่วมกับเครือข่ายรักษ์ป่าต้นน้ำแม่ลาว จึงนำอาสาสมัครกว่า 80 คนร่วมลงแรง และเรียนรู้ สัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำ ซึมซับวิถีชีวิต รวมไปถึงวิสาหกิจชุมชน ที่มีการจัดการอย่างสมดุล นำไปสู่ความเข้มแข็งและยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้งานอนุรักษ์ในพื้นที่บ้านห้วยน้ำกืน ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยในปีนี้ได้มีการขยายการทำงานออกไปยังบ้านปางมะกาด อาสาสมัครจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตที่พึ่งพาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในผืนป่า ไม่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ ป่าไม้ ที่ล้วนก่อให้เกิดวิถีและวัฒนธรรมต่างๆ ภายในชุมชน ทั้งในด้านอาชีพ อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ตลอดจนพิธีกรรมความเชื่อผ่านการทำงานตามแบบวิถีคนพึ่งป่า
คุณสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา กรรมการบริหาร กลุ่มเครื่องดื่มกระทิงแดง กล่าวว่า กลุ่มเครื่องดื่มกระทิงแดง ต้องการส่งเสริมแนวการทำงานให้เครือข่ายชุมชนรักษ์ป่าลุ่มน้ำลาวเรื่องงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ถือเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของจ.เชียงราย ใการดูแลรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งสนับสนุนงานด้านการพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชน สิ่งที่สำคัญอีกประการ คือ เราอยากจะสร้างความมั่นคงในอาชีพโดยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าของชุมชน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงส่งเสริมกลุ่มเยาวชนให้มีจิตสำนึกในการร่วมกันดูแลรักษาผืนป่า ที่ถือเป็นสมบัติสุดท้ายของปู่ย่าตายายได้ส่งต่อกันมา ที่สำคัญเรายังอยากช่วยจุดพลังใจให้ชุมชนคนต้นน้ำ ได้ขับเคลื่อนการจัดการวิสาหกิจชุมชน โดยการส่งเสริมด้านองค์ความรู้ เทคนิค และเครื่องมือ ในการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำกืน สร้างความยั่งยืนให้กับวิถีชีวิตของชุมชนบนที่สูง ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงความสมบูรณ์
ด้าน คุณจันทร์แดง สุลัยยะ รองประธาน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยน้ำกืน บอกถึงการเข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ เทคนิค และเครื่องมือในการประกอบอาชีพชาและกาแฟ ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักชาวบ้านที่นี่ รวมถึงการต่อยอดจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยน้ำกืน ได้มีการรวบรวมสมาชิกโดยเริ่มจากคนในชุมชนก่อน จนตอนนี้เกือบ 100 หลังคาเรือนแล้ว มีการลงหุ้นให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการลงทุนนอกเหนือจากการสนับสนุนจากทางกลุ่มเครื่องดื่มกระทิงแดง เพื่อจะช่วยในการลดปัญหาอำนาจการต่อรองจากพ่อค้าคนกลาง โดยกาแฟของบ้านห้วยน้ำกืนที่ปลูกถือเป็นกาแฟที่มีคุณภาพดี เพราะนอกจากเราจะไม่ใช้สารเคมีแล้ว การปลูกของเราต้นกาแฟจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของไม้ซึ่งเรียกว่ากาแฟเฉดโกลด์ (Shade Grown Coffee) ทำให้กาแฟของเรามีผลผลิตที่สม่ำเสมอ และมีคุณภาพสูง
จากความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนเองและจากหน่วยงานภายนอก ที่อยากเห็นผืนป่าที่พวกเขาอาศัยอยู่มีความยั่งยืน โดยป่าต้นน้ำถือเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ รวมถึงเป็นแหล่งก่อกำเนิดวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันเป็นอัตลักษณ์ที่ดีงามของชุมชน เพื่อที่จะรักษาสิ่งที่สำคัญเหล่านี้ จึงทำให้เกิดการรวมกลุ่มกันเกิดขึ้นเพื่ออนุรักษ์ป่าต้นน้ำให้มีความสมบูรณ์เพื่อส่งต่อสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี