เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ ภาค 5 จ.เชียงใหม่ นางสุวรรณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และพ.ต.ท.สมพร ชื่นโกมล ผอ.สำนักคดีพิเศษภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมขบวนการแชร์ลูกโซ่ใน จ.เชียงใหม่ และ ลำพูน มูลค่าความเสียหายกว่า 760 ล้านบาท
นางสุวณา กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน ว่าถูกหลอกลวงให้เข้าร่วมลงทุนในแชร์ล็อตเตอรี่จนทำให้สูญเสียเงินไปรวมกว่า 760 ล้านบาท จึงมอบหมายให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ร่วมกับ สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 และศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 5 เข้าตรวจสอบ กระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ นางรสสุคนธ์ ฟองมูล หรือ นันท์ธนิษฐ์ อินทนนท์ ผอ.กองคลัง อบต.ป่าสัก จ.ลำพูน และ นายสิทธิโชค ดวงตาสิทธิ์ สามี นางวารุณี ดวงตาสิทธิ์ อดีตนายกสมาคมพัฒนาคนพิการ จ.ลำพูน นอกจากนี้ยังมีผู้ขอเข้ามอบตัวอีก 2 ราย คือ นางณัฏฐ์ธมน มูลสม ข้าราชการสำนักปลัดเทศบาลตำบลทาปลาดุก จ.ลำพูน และ นายธงชัย ช่อประดิษฐ อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) จ.ลำพูน
ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่า นางวารุณี ได้ร่วมกับ นางรสสุคนธ์ นางณัฏฐ์ธมน นายธงชัย และนายสิทธิโชค โฆษณาและชักชวนประชาชนทั่วไปในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน และใกล้เคียง มาร่วมลงทุนซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาทุนเพื่อไปจำหน่ายต่อ ซึ่งจะได้รับผลกำไรเป็นจำนวนมาก โดยมีแผนการลงทุน คือ ลงทุนเป็นหุ้นราคาหุ้นละ 38,000 บาท พร้อมเสนอผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนเป็นรายงวดๆ ละ 1,000 บาท ต่อ 1 หุ้น และอีกรูปแบบ คือ ลงทุนโดยไม่กำหนดวงเงิน โดยเสนอผลตอบแทนร้อยละ 2.0-2.5 ของเงินลงทุนต่องวด และได้รับผลตอบแทนตลอดไปจนกว่าจะมีการ ถอนหุ้น ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อไปร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่า นางวารุณี ได้รับโควตาซื้อสลากกินแบ่งทั้งในฐานะส่วนตัวและนายกสมาคมพัฒนาคนพิการ จ.ลำพูน ไปจำหน่ายจริงเพียง 65 เล่ม แต่กลุ่มผู้เสียหายกว่า 611 ราย ระบุว่า นางวารุณี ได้ระดมทุนเต็มจำนวนหุ้นมากกว่า 20,000 หุ้น เป็นเงินมากกว่า 760 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าจำนวนเงินที่ใช้ซื้อสลากกินแบ่งตามสิทธิที่ นางวารุณี ได้รับ ดังนั้นพฤติการณ์ของ นางวารุณี กับพวก จึงเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย จึงได้ติดตามจับกุมตัวกลุ่มผู้ต้องหามาตั้งแต่เดือนมกราคมรวมแล้วกว่า 10 ราย
พร้อมกันนี้ได้ยึดอายัดทรัพย์สินของ นางวารุณี เป็นเงินในบัญชีธนาคาร กว่า 1 ล้านบาท และที่ดิน 8 แปลง โดยจะมีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมในคดีฟอกเงินด้วย จากนี้ ทางดีเอสไอจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีฟอกเงินด้วย อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ขอยื่นประกันตัว โดย นางรสสุคนธ์ และ นางณัฏฐ์มน ใช้ตำแหน่งข้าราชการในการประกันตัว ส่วน นายสิทธิโชค ได้ยื่นที่ดินมูลค่า 500,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ในการประกันตัว ซึ่งดีเอสไอได้อนุญาตให้ประกันตัวทั้งหมด
วันเดียวกันที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. พร้อม พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผช.ผบ.ตร. ได้ร่วมกันแถลงข่าวการส่งมอบทรัพย์สินที่สามารถตรวจยึดได้จากคดีแชร์ลูกโซ่ บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด และร่วมกันเปิดตู้เซฟที่อายัดเพิ่มเติมมาจากกลุ่มผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายรัฐวิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ หรือ เสี่ยโน้ต อายุ 31 ปี ซึ่งภายในมีธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท และ 500 บาท วางกองรวมกันมากกว่า 20 มัด จำนวน 26 ล้านบาท ทองคำแท่งน้ำหนัก 81 บาท โดยขณะเปิดประตูตู้เซฟ ปรากฏว่า มีเงินหลายมัดทะลักออกมาจากตู้ ทั้งนี้เมื่อรวมทรัพย์สินประเภทอื่นๆ อาทิบ้านและรถยนต์ที่อายัดไว้ก่อนหน้านี้ มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 183 ล้านบาท
ขณะที่ตู้เซฟใบที่ 2 เป็นของ นายอภิชณัฐ แสนกล้า พบทรัพย์สินภายในตู้เซฟ จำนวน 35 รายการ อาทิ นาฬิกาหรู เครื่องประดับ แหวนเพชร ทองรูปพรรณ ฉโนดที่ดิน ทะเบียนรถยนต์ ธนบัตรต่างๆ และเมื่อรวมกับทรัพย์สินที่ยึดไว้ก่อนหน้านี้ อาทิ รถยนต์หรู 2 คัน บ้านพัก มีมูลค่ากว่า 43 ล้าน
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ปปง.จะทำการตรวจสอบหาแหล่งที่มาของทรัพย์สินทั้งหมด หากพบว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด ก็จะทำการขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชดใช้ให้ผู้เสียหาย โดยเจ้าของทรัพย์สามารถเข้ามาโต้แย้งสิทธิ์และชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้ภายใน 90 วัน
ด้าน พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียหาย 120,000 ราย วงเงิน 38,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มอีก ดังนั้นตำรวจจะเร่งติดตามทรัพย์สินมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย และขอแจ้งเตือนไปยังผู้รับฝากทรัพย์สินของผู้ต้องหาคดีนี้ให้เลิกพฤติกรรม เพราะหากถูกจับกุม ต้องถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันฟอกเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี