รื้อ‘โรงเตี๊ยม’

ทุบ17รีสอร์ท‘ภูทับเบิก’

ผู้ว่าฯนำทีมเชือดพวกดื้อแพ่ง

จัดหนักคิดค่ารื้อถอนนับล้าน

ปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจาก นายบัณฑิตย์เทวีทิวารักษ์ ผวจ.เพชรบูรณ์ เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยปฏิบัติการลุยรื้อ 17 รีสอร์ทภูทับเบิกหลังติดป้ายให้รื้อถอนตามคำสั่งศาล แต่ยังดื้อแพ่ง ที่ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เมื่อเช้าวันที่ 19 สิงหาคม

ปฎิบัติการครั้งนี้ มีนายชลธิศ สุรัศวดี อธิบดีกรมป่าไม้ นายพุฒิพัฒน์ เลิศชวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาและสวัสดิการตลอดจน นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และ ควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร นายบุญลาภ สุกใส ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก และ นายชิต อินทรนก ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในสังกัดป่าไม้ ฝ่ายปกครอง อส. และ ตำรวจ ที่สนธิกำลังกว่า 650 นาย เพื่อเดินทางเข้ารื้อถอนรีสอร์ทบนภูทับเบิก ตามคำสั่ง คสช. ที่ 35/2559 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2559 เรื่องมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ในท้องที่ตำบลวังบาล และตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ถูกศาลพิพากษาสั่งให้รื้อถอน 19 ราย

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายแจ้งเตือนให้รื้อถอน ไปติดประกาศเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา เพื่อให้เจ้าของรีสอร์ทและร้านอาหาร ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 30วัน นับแต่วันปิดประกาศ แต่กลับพบว่ามีเพียงรีสอร์ทไม่มีชื่อของ นายกำธร พลรัตน์ และลุงท้ายโฮมสเตย์เพียง 2 แห่งเท่านั้น ที่ทำการรื้อถอน ทำให้ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย นายอำเภอหล่มเก่า ต้องนำป้ายประกาศไปติดแจ้งเตือนอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2559 เพื่อแจ้งเตือนครั้งสุดท้าย ให้ขนย้ายข้าวของพร้อมกำหนดขีดเส้นตายต้องรื้อถอนในวันที่ 19สิงหาคม นี้

นายบัณฑิตย์ กล่าวเน้นย้ำกับคณะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการว่า จะต้องปฏิบัติการตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้มีความสุภาพอ่อนน้อม ด้วยความรอบคอบ รวมถึงการบันทึกภาพนิ่งและเคลื่อนไหวเป็นหลักฐาน สำหรับแผนการป้องกันเหตุปะทะนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่เข้าดูแลความสงบเรียบร้อยและดูแลให้การปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างให้เป็นไปตามคำสั่งของ คสช. เพื่อคืนความสวยงามให้แก่ภูทับเบิกดังเดิม

สำหรับรายชื่อรีสอร์ท 17 แห่ง ที่ถูกปิดป้ายประกาศให้รื้อถอนประกอบด้วย 1.โรงเตี๊ยม 2.สานฝันรีสอร์ท 3.คานาอันร้านค้าแห่งที่ 1 4.คานาอันบ้านพักแห่งที่ 2 5.ทับเบิกภูฏาน 6.ไร่ตายาย 7.บ้านสายหมอกรีสอร์ท 8.บ้านดอยน้ำเพียงดิน ภูทองคำ 9.อิงฟ้า 10.สกายวิว 11.ทับเบิกวิลเลจ 12. เคียงดาว 13.มอนเตอริโอ รีสอร์ท 14.บ้านชมวิว 15.ประชารีสอร์ทภูทับเบิก16.ทับเบิกอินดี้ และ 17.ทับเบิกอีโคแคมป์

อย่างไรก็ตามหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดปฏิบัติการ คณะเจ้าหน้าที่ได้พากันเคลื่อนย้ายกำลังไปยังเป้าหมายแรกได้แก่ รีสอร์ตโรงเตี๊ยม หมู่ 14 บ้านทับเบิก ต.วังบาล เพื่อเข้าปฏิบัติการรื้อถอน โดยเมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้พบพนักงานรีสอร์ตบางส่วนและช่างรับเหมากำลังเร่งทำการรื้อถอนบ้านพักและทางช่างแอร์ถอดแอร์ตามห้องพักในรีสอร์ต

ต่อมานายชาญชัย ศรศรีวชัย นายอำเภอหล่มเก่าพร้อมนายประจักษ์ มิยา หัวหน้าหน่วยปฏิบัติพิเศษที่ 38 นำคำสั่งรื้อถอนเข้าแจ้งต่อนายกุญช์ภัสส์ พัฒนฉัตรรุ่งรุจ เจ้าของรีสอร์ต ซึ่งพยายามโต้แย้ง โดยอ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนั้นถามหาความรับผิดชอบหากสิ่งของและทรัพย์สินได้รับความเสียหายใครจะรับผิดชอบ พร้อมระบุด้วยว่าด้วยระยะเวลาเพียง 1 เดือน หากให้ขนย้ายทรัพย์สินคงไม่ทันและพอดีเป็นช่วงฝนตกทำให้เป็นอุปสรรค ทั้งนี้นายประจักษ์และนายชาญชัยกล่าวย้ำเพียงว่าต้องปฏิบัติตามหน้าที่

จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมีการแยกทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยเริ่มจากการตัดกระแสไฟฟ้าพร้อมยึดมิเตอร์ และการเข้าสำรวจสิ่งของและทรัพย์สินสังหาริมทรัพย์ภายในรีสอร์ตดังกล่าว จากนั้นมีการถ่ายบันทึกภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นหลักฐาน พร้อมจัดทำบัญชีก่อนลงมือขนย้ายขึ้นรถบรรทุก เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายไปเก็บที่โรงรถในค่ายทหารที่ อ.หล่มสัก

แล้วทำการรื้อถอดแกะงัดสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ท่ามกลางฝนตกและลมพัดแรงมีหมอกลงจัดจัด จนทำให้สภาพอากาศมีความหนาวเย็นอีกด้วย

สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินการรื้อค่ารื้อถอนและขนย้ายและค่าเก็บรักษาสังหาริมทรัพย์ รวมระยะเวลา 5 วัน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้มีการประเมินราคาไว้เรียบร้อยแล้วเป็นยอดเงินราว 1,006,700 บาท

ซึ่งตลอดระยะเวลารื้อถอนรีสอร์ตโรงเตี๊ยม หนนี้ ปรากฏว่ามีชาวม้งในพื้นที่รวมทั้งผู้ประกอบการเจ้าของรีสอร์ตในพื้นที่ต่างมายืนเฝ้าชมและสังเกตการณ์การรื้อถอนด้วยความสนใจ ในขณะที่บางรายใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอเก็บไว้อีกด้วย