“...ฉันต้องการสร้างโบสถ์หลังนี้เป็นมหัศจรรย์ประจำรัชกาลฉัน ให้อยู่ได้ร้อยปี พันปี ไม่มีใครเหมือน พระอุโบสถหลังนี้ใหญ่โตมาก ถ้าสร้างเสร็จคงจะดีมากและเป็นจุดเด่น” พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินวัดโสธรวรารามวรวิหาร พ.ศ. 2528
วัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นวัดมงคลคู่เมืองแปดริ้ว (จังหวัดฉะเชิงเทรา) มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ในบริเวณที่เรียกว่า “คุ้มมังกร” หรือที่ “มังกร” ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เดิมชื่อ “วัดหงส์” ต่อมาเมื่ออัญเชิญพระพุทธโสธรมาประดิษฐานภายในวัด จึงมีเหตุการณ์ดลบันดาลให้เกิดพายุพัดเอาหงส์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเสาหงส์ลงมา ชาวบ้านจึงแก้ไขเป็นเสาธง แล้วเปลี่ยนเป็นชื่อจากวัดหงส์เป็น “วัดเสาธง” ต่อมาไม่นานได้เกิดพายุพัดเสาธงหักอีก ชาวบ้านจึงเปลี่ยนชื่อจากวัดเสาธงมาเป็น “วัดเสาธงทอน” ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าชื่อดังกล่าวไม่เพราะ จึงได้ขนานนามใหม่ว่า “วัดศรีโสทร” หรือ “วัดโสทร” ซึ่งหมายถึง วัดพระ 3 องค์ พี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน ตามชื่อพระพุทธรูป ต่อมาเนื่องจากอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏ อีกทั้งพุทธศิลป์อันงดงามของหลวงพ่อโสธร ทำให้ชื่อวัดและพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในเปลี่ยนเป็น “โสธร” ซึ่งมีความหมายว่า บริสุทธิ์ หรือ ศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
วัดโสธร เดิมเป็นวัดราษฎร์ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2501 จึงได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร มีนามว่า “วัดโสธรวรารามวรวิหาร” ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีพระอุโบสถหลังใหม่ที่
สวยสดงดงาม ก่อสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2535 ด้วยศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ประยุกต์ หลังคาจัตุรมุขแบบปราสาทไทย ส่วนกลางพระอุโบสถมียอดมณฑปเป็นยอดฉัตรทองคำแท้ 5 ชั้น น้ำหนัก 77 กิโลกรัม พระอุโบสถปูด้วยหินอ่อนจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ด้วยความงดงามและยิ่งใหญ่ตระการตา ทำให้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นประอุโบสถที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดในโลกสำหรับพุทธศาสนิกชน
ที่สำคัญ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังเป็นวัดที่สำคัญในรัชกาลที่ 9 เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริให้มีการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2509 ครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีเวียนเทียน ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร โดยมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “...ตั้งใจมานมัสการหลวงพ่อโสธรนานแล้ว ทำไมสร้างพระอุโบสถแบบไม่สมพระเกียรติหลวงพ่อพุทธโสธร ให้ปรับปรุงแก้ไขพระอุโบสถเสียใหม่..”
แต่หลังจากนั้นมา ทางวัดฯ ก็ยังไม่ได้ดำเนินการปรับปรุงวัดโสธรฯ ตามแนวพระราชดำริ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารเรียนโรงเรียนพุทธโสธร เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 จึงทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการสร้างพระอุโบสถกับเจ้าอาวาสอีกครั้ง และต่อมาในปี พ.ศ. 2528 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนิน และทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับพระอุโบสถหลังใหม่ว่า “...ฉันต้องการสร้างโบสถ์หลังนี้เป็นมหัศจรรย์ประจำรัชกาลฉัน ให้อยู่ได้ร้อยปี พันปี ไม่มีใครเหมือน พระอุโบสถหลังนี้ใหญ่โตมาก ถ้าสร้างเสร็จคงจะดีมากและเป็นจุดเด่น”
โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่ ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์ประธานในการก่อสร้าง และเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีบวงสรวงการ
รื้อถอนพระอุโบสถหลังเดิม พระอุโบสถหลังใหม่จึงได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2535 เป็นต้นมา และในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธียกฉัตรยอดมณฑปทองคำ ยังความปลื้มปีติยินดีแก่พสกนิกรชาวฉะเชิงเทราอย่างหาที่สุดมิได้ จากนั้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549 พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ ทรงตัดหวายลูกนิมิตพระอุโบสถหลังใหม่วัดโสธรวรารามวรวิหาร
นับแต่นั้นมา พระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร ก็ได้รับความชื่นชมจากชาวไทยและต่างชาติ ที่หลั่งไหลมานมัสการพระ
พุทธโสธรกันอย่างเนืองแน่น ได้เห็นถึงความงดงามของพระอุโบสถ ที่เกิดขึ้นได้จากพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 นำมาซึ่งความยินดีปรีดิ์เปรมแก่พสกนิกรชาวฉะเชิงเทราอย่างหาที่สุดมิได้...แม้ว่าในวันนี้ ประเทศไทยได้สิ้นรัชกาลที่ 9 แล้ว แต่พระมหากรุณาธิคุณนานัปการที่พระองค์ทรงมอบให้ชาวไทย จะคงอยู่ในดวงใจของเราคนไทยตราบนานเท่านาน...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี