ตำรวจ สภ.มาบตาพุดคู่กรณี ครอบครัวหัวร้อน เปิดหมวกชกหน้าจราจร ที่กลายเป็นข่าวโด่งดัง ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ขณะผู้บังคับบัญชาเน้นย้ำ เข้มงวดช่วงเปิดเทอม พร้อมความอดทนอดกลั้น ไม่ท้อถอยในหน้าที่

15 พ.ค.61 ตำรวจจราจร สภ.มาบตาพุด จังหวัดระยอง ยังคงปฏิบัติหน้าที่กันตามปกติ แม้กระแสข่าวเพื่อนตำรวจถูกทำร้ายขณะปฏิบัติหน้าที่จะโด่งดังในทุกช่องทางสื่อ แต่ทุกเช้า 7.00 น. ตรงตำรวจจราจรที่นี่ก็ต้องมาเข้าแถวเพื่อรับฟังคำสั่งและนโยบายจากผู้บังคับบัญชา ท่องอุดมคติตำรวจก่อนจะออกปฏิบัติหน้าที่เหมือนเช่นเดิม

แต่จะมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาคือการเน้นย้ำให้ตำรวจมีความอดทนอดกลั้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ย่อท้อและในช่วงเปิดเทอมต้องทำงานอย่างหนัก ดูแลประชาชนให้ทั่วถึงเป็นที่พึ่งของประชาชน

ร.ต.ท.วิทยา วุฒิพันธ์ รองสารวัตรจราจร สภ.มาบตาพุด บอกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ไม่ได้มีความย่อท้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ ยังคงทำงานเหมือนเช่นเดิม ยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ไม่ได้กลั่นแกล้งและไม่อยากให้ทางคู่กรณีไปทำเช่นนี้กับคนอื่นอีกและเป็นห่วงลูกน้องที่ไม่เคยเจอะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ อาจมีการบั่นทอนจิตใจ ซึ่งก็เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี

ด้าน พ.ต.อ. อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาต ผกก.สภ.มาบตาพุด บอกว่า หลังจากเกิดเหตุก็ตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐานในทุกด้าน โดยเฉพาะคลิปขณะเกิดเหตุ ซึ่งมีประชาชน ทยอยส่งมาให้เรื่อยๆ โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ ครอบครัวของ นายพยอม แสงวันดี อายุ 32 ปี นางหทัยรัตน์ สมถวิล อายุ 35 ปี และนายอิทธิพล สมถวิล อายุ 18 ปี 3 พ่อแม่และลูกได้จอดรถบริเวณเส้นขาว-แดง ซึ่งเป็นจุดห้ามจอด ในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลุ่มคนดังกล่าวไม่ยอม พร้อมเข้าต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรงและชกเข้าที่เบ้าตาเจ้าหน้าที่ 1 ราย หลังเกิดเหตุ มีคลิปเผยแพร่ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำดังกล่าวไปทั่วสังคมออนไลน์ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง ข้อหาทำร้ายร่างกาย ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งครอบครัวหัวร้อนก็ได้มีการแจ้งความกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน