เมื่อพูดถึงนกแสกคนส่วนใหญ่ที่รู้จักจะมีความอคติกับนกชนิดนี้ไปในทางลบเสมอ ภาพลักษณ์ไม่ค่อยดี เพราะถ้าเห็นหรือได้ยินเสียงร้องแหลมๆที่เกาะหรือบินผ่านหรือร้องดังมาจากหลังคาบ้านเรือนของใครแล้วนั้น โดยเฉพาะกลางคืนที่เดือนมืดๆ เสียงนั้นฟังแล้วชวนให้คนที่ไม่ชอบ จะรังเกียจมาก คิดไปต่างๆ นานา ต่อมาอีกไม่นานคนในบ้านนั้นจะต้องมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น จึงทำให้มีการเข้าใจผิดแล้วส่งความคิดนี้ต่อๆกันไปจากรุ่นสู่รุ่น ว่าเป็นนกผี นกอัปมงคลหรือนกแห่งความตายบ้าง ไม่สมควรให้อยู่ใกล้บ้าน ถ้ามีโอกาสก็จะทำการไล่หรือฆ่าทิ้งไปเลย โดยหารู้ไม่ว่า นกตัวที่มาเกาะหลังคาบ้านนั้นมันมารอที่จะจับหนูเป็นอาหาร และเสียงที่ร้องออกมานั้นเป็นการเรียกคู่หาแฟนหรือเสียงเรียกลูกให้มากินอาหารที่แม่นกจับมาได้เท่านั้น เพราะอาหารโปรดที่แสนอร่อยของมันก็คือหนูทุกชนิด มันไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยกับมนุษย์แต่อย่างใดเลย มีแต่เป็นมิตรที่ช่วยกำจัดหนูทั้งที่บ้านอยู่อาศัยและไร่นาของเกษตรกร
นกแสกหรือนกแฝกหรือนกเค้าหน้าลิง เป็นนกที่น่ารักมากในต่างประเทศเขาเลี้ยงเป็นนกสวยงาม มีลักษณะหัวใหญ่ ใบหน้าเป็นรูปหัวใจ ขนที่ใบหน้ามีสีขาว ตามีขนาดใหญ่ มีสันจมูก จะงอยปากแหลม ขนที่ลำตัวและหน้าอกมีสีขาว ขนที่ปีกมีสีเหลืองอมน้ำตาล มีจุดประสีเทาดำ ปีกสองข้างเมื่อกางได้ยาว ประมาณ 80 ซม. มีลักษณะพิเศษบินได้อย่างเงียบเชียบ ขามีขนาดใหญ่ ยาว มีเล็บโค้งงอเป็นเขี้ยว ปลายเล็บแหลมคม(สำหรับจับเหยื่อ) เป็นนกในตระกูลเดียวกับนกฮูก นกเค้าแมว เป็นนกประจำถิ่นของไทยมีอยู่ทั่วทุกภาคของไทย เป็นนกกลางคืน อาศัยอยู่ใกล้ชุมชน ทำรังเองไม่เป็น ต้องอาศัยโพรงไม้หรือช่อง/ซอกหลังคาบ้านเรือนที่ร้างหรืออาคารต่างๆ เป็นที่วางไข่ กินหนูเป็นอาหาร มีพฤติกรรมล่าเหยื่อในที่โล่ง เพราะสามารถมองเห็นเหยื่อได้ชัดเจนในเวลากลางคืน เช่น ทุ่งหญ้า ท้องนา ชายป่าหรือในสวนปาล์มน้ำมัน
นายประสงค์ ประไพตระกูล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร พบว่า นกแสก 1 ตัวจะกินหนูเป็นอาหาร เฉลี่ยแล้ววันละ 1-2 ตัวโดยการใช้กรงเล็บที่แข็งแรงและแหลมคมจับเหยื่อแล้วกลืนทันที (จะไม่จิกและฉีกหนูเป็นชิ้นๆ เหมือนเหยี่ยว ยกเว้นลูกนกแสกที่ยังกลืนหนูทั้งตัวไม่ได้แม่จะฉีกให้กิน) ชิ้นส่วนของเหยื่อที่ย่อยไม่ได้ เช่น กระดูก ขน จะถูกหยอกออกมาทางปากเสียก่อนซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนกลมสีดำๆ จากนั้นจึงจะกินเหยื่อครั้งต่อไปได้ ดังนั้น ถ้ามีนกแสก 1 ตัวในสวนปาล์มน้ำมัน ก็สามารถกินหนูได้ประมาณ 350-700 ตัวต่อปี ซึ่งเป็นการคุ้มค่ามากถ้าหากได้ร่วมมือร่วมใจกันอนุรักษ์หรือจะเลี้ยงนกแสกไว้เป็นผู้ช่วยเกษตรกรไว้ควบคุมหนู โดยเฉพาะในสวนปาล์มหรือนาข้าว ซึ่งนกแสกที่อยู่ในธรรมชาติจะมีช่วงผสมพันธุ์ วางไข่และเลี้ยงลูกประมาณเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ โดยจะเลี้ยงลูก 2 ครอกติดต่อกัน (วางไข่ 2 ครั้ง/ปี) วางไข่จำนวนไข่ 5-7 ฟองต่อครั้ง สูงสุด 15 ฟอง ตัวเมียจะทำหน้าที่ฟักไข่ ประมาณ 30 วัน ส่วนตัวผู้ทำหน้าที่ ออกหาอาหาร ใช้เวลาฟักไข่ 18 ชม.ต่อวัน ลูกนกที่ฟักออกมาในระยะแรกจะไม่มีขนพ่อแม่นกจะช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด พ่อนกจะออกล่าเหยื่อมาป้อนให้แม่และลูกนกทุกวัน พอลูกนกอายุได้ประมาณ 7-8 สัปดาห์เริ่มฝึกล่าเหยื่อ (หนูเป็นๆ) จนชำนาญแล้วแยกจากพ่อแม่ไปหากินตามธรรมชาติต่อไป อนึ่งหนูที่นกแสกกินนั้นจะต้องเป็นหนูที่ไม่ได้กินยาเบื่อมาก่อนเพราะถ้ากินหนูที่มียาเบื่ออยู่ในท้องเข้าไปแล้ว นกก็จะตายด้วยยาเบื่อชนิดนั้นด้วย ฉะนั้นถ้าหากเกษตรกรจะเลี้ยงหรือใช้ประโยชน์จากนกแสกในธรรมชาติเพื่อควบคุมหนูนั้น จะต้องงดใช้ยาเบื่อหนูทุกชนิดในแปลงด้วย
จะเห็นได้ว่านกแสกมีบทบาทสำคัญมากในระบบนิเวศ ช่วยควบคุมประชากรหนู ลดความสูญเสียและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ลดการใช้สารเคมีกำจัดหนู ลดต้นทุนการผลิต ลดพาหะนำโรคสัตว์สู่คน ตลอดจนลดมลพิษในสภาพแวดล้อม กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะนักส่งเสริมการเกษตร จึงมุ่งให้ความรู้แก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไปได้เห็นคุณค่าของนกแสกด้วยข้อมูลวิชาการที่ถูกต้อง เพื่อปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์และทัศนคติของนกแสกให้เป็น มหามิตรที่สำคัญของเกษตรกรโดยการส่งเสริมการอนุรักษ์และหรือการเลี้ยงนกแสกไว้ในเรือกสวนไร่นาของเกษตรกรได้อย่างถูกวิธี จึงจะนับว่าเป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติตัวนี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนและคุ้มค่ามากที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี